×

ม้วนเดียวจบ! รวมทุกเรื่องต้องรู้กับดีลทุบสถิติโลกของเนย์มาร์

03.08.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • ลิโอเนล เมสซี ยอดนักเตะจากบาร์ซา ได้โพสต์ข้อความอำลาเนย์มาร์บนโลกโซเชียลมีเดีย เป็นการยืนยันแล้วว่าดีล 198 ล้านปอนด์ของเนย์มาร์กำลังจะเกิดขึ้นจริง
  • เนย์มาร์จะเป็นนักเตะคนแรกที่ได้รับค่าเหนื่อยมูลค่ามากถึง 85,142 ปอนด์ หรือกว่า 3.7 ล้านบาทต่อหนึ่งวัน
  • บาร์ซายืนยันว่า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ต้องจ่ายเงินทั้งหมด 198 ล้านปอนด์ หรือ 8,700 ล้านบาทแบบรวดเดียวหมด
  • ปารีส แซงต์ แชร์กแมง อาจต้องขายนักเตะเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎ  Financial Fair Play

     “ฉันขอให้นายโชคดีกับก้าวต่อไปในชีวิตของนาย” เป็นคำพูดที่ลิโอเนล เมสซี นักเตะชื่อดังของสโมสรบาร์เซโลนาได้โพสต์ลงอินสตาแกรมส่วนตัว ถือว่าเป็นคำยืนยันพอๆ กับรายงานล่าสุดที่เผยว่า เนย์มาร์จะเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศส เพื่อปิดดีลสถิติโลก ซึ่งปารีส แซงต์ แชร์กแมง สโมสรยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส เตรียมทุ่มเงินค่าฉีกสัญญาเป็นประวัติศาสตร์ที่ 198 ล้านปอนด์ หรือ 8,700 ล้านบาท ในอีกไม่นานนี้

     สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดการตั้งคำถามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มค่าของเม็ดเงินมหาศาล หรือว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในการคว้าตัวนักเตะบราซิลรายนี้ หรือแม้กระทั่งตัวของเนย์มาร์เองที่หลายคนสงสัยว่า จุดเริ่มต้นความไม่พอใจของเนย์มาร์กับสโมสรต้นสังกัดเริ่มต้นขึ้นเมื่อไร วันนี้เราจะมาหาคำตอบพร้อมๆ กัน

 

Photo: www.fcbarcelona.com

 

น้ำผึ้งหยดเดียว

     สื่อต่างประเทศหลายสำนักเริ่มรายงานตรงกันว่า เหตุการณ์ที่นำไปสู่ความไม่พอใจของเนย์มาร์กับบาร์เซโลนาเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย บาร์เซโลนาพลาดท่าให้กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก่อน ด้วยการแพ้ไป 0-4 ในเลกแรก แต่ในเลกที่ 2 บาร์ซาก็พลิกล็อกกลับมาเอาชนะได้ถึง 6-1 ในบ้านตัวเอง พลิกสถานการณ์กลับมาเข้ารอบ 8 ทีมได้อย่างเหลือเชื่อ โดยในเกมนั้นหลายคนได้ยกย่องให้เป็นฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดในชีวิตของเนย์มาร์

     แต่การพาดหัวข่าวทั่วยุโรปและภาพที่คนจดจำมากที่สุดในค่ำคืนนั้นกลับเป็นภาพของลิโอเนล เมสซี (ด้านบน) ที่ถูกยกย่อง และกล่าวถึงมากที่สุดในค่ำคืนที่ควรจะเป็นของเนย์มาร์ ซึ่ง ซิด โลว์ นักข่าวชื่อดังผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลสเปน มองว่า สถานการณ์นี้ได้บ่งชี้ว่า ไม่ว่าเนย์มาร์จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทีมได้มากน้อยขนาดไหน แต่สุดท้ายคนที่เป็นที่พูดถึงก็คือ ลิโอเนล เมสซี

     “ในบาร์ซามีเพียงนักเตะคนเดียวที่ถูกพูดถึง และนั่นน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ผลักดันให้เนย์มาร์ต้องก้าวออกมาหาเส้นทางของเขาเอง และที่ปาร์กเดแพร็งส์ (สนามเหย้าของปารีส แซงต์ แชร์กแมง) ความสำเร็จทั้งหมดต่อจากนี้จะเป็นของเขา” ซิด โลว์ ได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ที่ทำให้เนย์มาร์ตัดสินใจย้ายออกจากถิ่นคัมป์นู

 

 

ทำไมปารีสฯ ถึงต้องการเนย์มาร์

     ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ทั้งเอดิสัน คาวานี, อังเคล ดิ มาเรีย และมาร์โก แวร์รัตติ ต่างก็เป็นที่ยอมรับในทีมชั้นนำของยุโรป แต่ถึงแม้ว่าจะคว้าแชมป์ลีกเอิง ลีกสูงสุดของฝรั่งเศสไปได้ถึง 6 สมัย แต่ในเวทียุโรป พวกเขายังไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในท็อปสามทีมลุ้นแชมป์ได้

     โดยจุดสำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ ความต้องการดึงดูดนักเตะระดับสูงอย่าง เนย์มาร์ ซึ่งมองแล้วเป็นรองเพียงแค่ลิโอเนล เมสซี กับคริสเตียโน โรนัลโด ที่กำลังเข้าสู่ช่วงขาลงของอาชีพค้าแข้ง

     ความรู้สึกของเนย์มาร์ที่ต้องการก้าวออกจากเงาของเมสซี และสร้างประวัติศาสตร์ของเขาเอง ส่งผลให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ได้โอกาสสำคัญในการคว้าตัวนักเตะแถวหน้าของยุโรปมาอยู่ในทีม ซึ่งนอกจากผลงานในสนามแล้ว การมีนักเตะระดับเนย์มาร์ยังสามารถเป็นแรงผลักดันให้ทีมยกระดับขึ้นไปอีกขั้น

 

 

เนย์มาร์ในตำแหน่งใหม่?

     จากรายงานข่าวที่ออกมาอย่างต่อเนื่องว่าเนย์มาร์จะได้รับเสื้อหมายเลข 10  ส่งผลให้เขาอาจจะรับบทบาทใหม่ที่ปารีส แซงต์ แชร์กแมง โดยตำแหน่งหมายเลข 10 โดยธรรมชาติคือหัวใจของเกมรุก ซึ่งเขาจะได้ทำหน้าที่กลางรุก หรือกองหน้าตัวต่ำ ที่ขนาบข้างไปด้วยอังเคล ดิ มาเรีย และจูเลียน แดร็กซ์เลอร์ ขณะที่ด้านหลังเขาจะมีแบลส มาตุยดี และมาร์โก แวร์รัตติ คอยเชื่อมต่อเกมจากแดนรับ และมีเอดิสัน คาวานี หรือ เฆเซ เป็นหน้าเป้าคอยจบสกอร์  

 

Photo: Josep LAGO/AFP

 

สิ่งที่จะหายไปจากบาร์ซา

     เนย์มาร์ถือว่ามีส่วนสำคัญในเกมรุกของบาร์ซา ด้วยสถิติส่งให้เมสซีกับ หลุยส์ ซัวเรซ​ ยิงประตูถึง 31 ครั้งในลาลีกา สเปน 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา และสร้างโอกาสยิงประตูอีก 250 ครั้ง เทียบเท่ากับลิโอเนล เมสซี ส่งผลให้เอร์เนสโต บัลเบร์เด้ กุนซือชาวสเปนคนใหม่ของบาร์ซาต้องเร่งหาตัวแทนให้ได้ในเวลาที่เหลืออยู่ไม่ถึงเดือนในตลาดซื้อขายครั้งนี้

 

 

เนย์มาร์ Effect?

     ด้วยความสามารถและมูลค่าทางการตลาดของเนย์มาร์ ทำให้ตัวเลือกที่จะมาทดแทนเป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับกุนซือและประธานสโมสรของบาร์เซโลนา

     โดยจากรายงานต่างๆ ความเป็นไปได้มากที่สุดในตอนนี้คือ ฟิลิปเป คูตินโญ อีกหนึ่งนักเตะบราซิลมากความสามารถจากลิเวอร์พูล ที่มีข่าวกับบาร์ซาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันของลิเวอร์พูลจะยืนยันว่า คูตินโญไม่ได้มีไว้ขายก็ตาม ขณะเดียวกัน อังเคล ดิ มาเรีย​ กองกลางชาวอาร์เจนตินา จากปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็มีโอกาสย้ายมาร่วมทีมในส่วนหนึ่งของดีลเนย์มาร์ท่ีกำลังจะเกิดขึ้น ขณะที่ เปาโล ดีบาลา ยอดศูนย์หน้าเพื่อนร่วมชาติของลิโอเนล เมสซี ก็มีโอกาสย้ายมาค้าแข้งในถิ่นคัมป์นูเช่นกัน

 

 

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะหาเงินมาจ่ายได้อย่างไร?

     เงินจำนวน 198 ล้านปอนด์สำหรับนักเตะคนเดียวถือว่าเป็นจำนวนเงินมหาศาล เมื่อเทียบกับสถิติเก่าของ พอล ป็อกบา ที่ทำไว้ 89 ล้านปอนด์ แต่สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ลงทุนซื้อกองกลางชาวฝรั่งเศสด้วยค่าตัวสถิติโลก เป็นทีมที่มีมูลค่าถึง 3 พันล้านปอนด์จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถใช้เงินจำนวนดังกล่าวโดยไม่สร้างผลกระทบมากนักต่อองค์กร

     แต่ปารีส แซงต์ แชร์กแมงนั้นไม่ติด 1 ใน 10 ของการจัดอันดับสโมสรที่รวยที่สุดในโลกจะสามารถหาเงินมาชดเชยค่าตัว 198 ล้านปอนด์ของเนย์มาร์ได้อย่างไร

     จากคำยืนยันของบาร์ซาได้ชี้แจงไว้ชัดเจนว่า ในการฉีกสัญญาของเนย์มาร์ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จำเป็นต้องจ่ายเงินรวดเดียว 198 ล้านปอนด์ และไม่อนุญาตให้แบ่งจ่าย แต่ทิศทางของปารีสฯ ดูจะพร้อมทุ่มเงินเต็มที่เพื่อนักเตะรายนี้ รวมถึงเตรียมมอบสัญญาค่าเหนื่อยเป็นประวัติศาสตร์อีกด้วย

     ปัจจุบัน เนย์มาร์เป็นนักกีฬาอาชีพที่มีรายได้เป็นอันดับที่ 18 ของโลก โดยมีรายได้จากผู้สนับสนุนอย่าง Nike, Gillette, Panasonic และหูฟัง Beats by Dre ซึ่ง ดร. ร็อบ วิลสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินในโลกฟุตบอลจากมหาวิทยาลัย Sheffield Hallam ได้ให้สัมภาษณ์กับ BBC อังกฤษว่า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง อาจเซ็นสัญญาร่วมกับผู้สนับสนุนต่างๆ เพื่อสร้างโฆษณาและลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์จากตัวนักเตะ และหารายได้เข้าสโมสรมากขึ้น

     และแน่นอนว่าสิ่งที่หลายคนคาดหวังคือ ยอดขายเสื้อ ซึ่งปัจจุบันจากรายงาน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มี Nike เป็นผู้สนับสนุน และมีรายได้จำนวน 21.5 ล้านปอนด์ในแต่ละปีจากผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาสัญชาติสหรัฐฯ แต่ ดร. วิลสัน ได้ชี้แจงว่าแท้จริงแล้วเป็นภาพลวงตา เพราะว่าดีลผู้สนับสนุนเสื้อผ้ากีฬาส่วนใหญ่รายได้จากการขายเสื้อจะตกอยู่กับผู้สนับสนุนไม่ใช่สโมสรฟุตบอล

     “สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงความเชื่อ โดยทั่วไปแล้วบริษัทผู้ผลิตเสื้อ (Nike, Adidas, Puma) จะได้ส่วนแบ่งจากยอดขายเสื้อมากที่สุด”

     ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Adidas ผู้สนับสนุนชุดแข่งขันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะจ่ายให้กับสโมสร 75 ล้านปอนด์ทุกปี โดยไม่สำคัญว่ายอดขายเสื้อ และกำไรจากการขายเสื้อจะมากแค่ไหนในแต่ละปี

     แต่หากเนย์มาร์สามารถยกระดับความสำเร็จของสโมสรได้ ทีมอาจจะสามารถดึงดูดผู้สนับสนุนเข้ามาลงทุนกับสโมสรมากขึ้น และช่วยสร้างรายได้มาทดแทนเงินมหาศาลที่ใช้ในดีลครั้งนี้นั่นเอง

 

Financial Fair Play?

     กฎ Financial Fair Play หรือ FFP ถูกบังคับใช้ครั้งแรกในปี 2014 เพื่อป้องกันไม่ให้สโมสรใช้เงินเกินตัว โดยแต่ละสโมสรจะถูกบังคับให้จัดระเบียบค่าใช้จ่าย ทั้งการซื้อตัวนักเตะและค่าเหนื่อยในแต่ละสัญญามาบริหารกับรายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ตั๋วเข้าชมการแข่งขัน รวมถึงรายได้จากโฆษณา การตลาด

     โดยที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้, โมนาโก, อินเตอร์ มิลาน และโรมา เป็นสโมสรชั้นนำในยุโรปที่ถูกปรับเงินและแบนห้ามซื้อขายนักเตะจากการฝ่าฝืนกฎ FFP มาแล้ว โดยในปี 2014 ปารีส แซงต์ แชร์กแมงก็ละเมิดกฎ FFP จากการที่สโมสรได้เซ็นสัญญามูลค่า 167 ล้านปอนด์กับ Qatar Tourism Authority หรือกระทรวงการท่องเที่ยวของกาตาร์ ซึ่งทางคณะกรรมการตรวจสอบอิสระของ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรปมองว่าเป็นมูลค่าเกินจริง

     ส่งผลให้ ปารีสฯ ถูกปรับเงินจำนวน 20 ล้านปอนด์ และถูกจำกัดเงินในการซื้อนักเตะที่ 49 ล้านปอนด์ในตลาดซื้อขายนักเตะของฤดูกาล 2014-2015  

     โดย ดร. วิลสัน มองว่า หลังจากที่เนย์มาร์ย้ายมาร่วมทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมงอย่างเป็นทางการ ทางสโมสรอาจต้องขายนักเตะมากกว่าหนึ่งคนเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับทีม และเพื่อเป็นการไม่ละเมิดกฎ FFP นั่นเอง

 

Cover Photo: Jewel SAMAD/AFP

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising