×

เนสท์เล่ ประเทศไทย กางโรดแมปตั้งเป้าสู่ Net Zero ในปี 2050 เร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการดูแลและฟื้นฟูระบบอาหาร [PR News]

โดย THE STANDARD TEAM
27.10.2021
  • LOADING...
netsle

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • เป้าหมายของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์เป็นประเด็นใหญ่ที่กำลังได้รับความสนใจทั่วโลก เนสท์เล่ ในฐานะผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่เร่งสร้างการเปลี่ยนแปลง ประกาศแผนงานด้านความยั่งยืน ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 
  • เดินหน้ามิติความยั่งยืนใน 4 ด้าน ได้แก่ 1. บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก 2. การดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน 3. การจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน 4. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะเป็นแผนงานให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ได้สำเร็จ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นหนึ่งในปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลกระทบต่อเราทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป้าหมายของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ก็เป็นประเด็นใหญ่ที่กำลังได้รับความสนใจทั่วโลก และวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ผู้นำจากกว่า 190 ประเทศทั่วโลก จะรวมตัวกันที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร เพื่อร่วมประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP 26 เพื่อให้แต่ละประเทศเสนอเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่เข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการบรรลุ Net Zero ทั่วโลกภายในปี 2050

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้หลายองค์กรต้องเร่งแผนงานด้านความยั่งยืนที่เคยวางไว้ เนสท์เล่ ในฐานะผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่เร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยคำมั่นที่จะดำเนินธุรกิจตามเจตนารมณ์ของบริษัทในการเปิดพลังแห่งอาหารเพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในวันนี้และในอนาคต

 

ล่าสุด เนสท์เล่ ประเทศไทย จึงได้ประกาศแผนงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Roadmap) ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 เดินหน้ามิติความยั่งยืนใน 4 ด้าน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในการดูแลและฟื้นฟูระบบอาหาร

 

netsle

 

วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เผยว่า “กว่า 150 ปี ที่เนสท์เล่มุ่งดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เราเชื่อว่าการผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่รสชาติดีและมีประโยชน์เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเรา แต่วันนี้โลกของเราต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้อาหารที่มีคุณภาพและโภชนาการที่ดีอาจมีไม่เพียงพอและไม่สามารถเข้าถึงได้ เราต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วน และนี่จึงเป็นเหตุผลที่เนสท์เล่ได้กำหนดแผนงานด้านความยั่งยืนในประเทศไทย และจะดำเนินงานครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่า เพื่อให้เกิดการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน เพื่อประเทศไทยและโลกที่ดีขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป”

 

Sustainability Roadmap กางแผนงานด้านความยั่งยืนใน 4 ด้านหลัก

แผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่จะได้เห็นต่อไปนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต

 

ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ภายในปี 2025 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ได้สำเร็จ ผ่านแนวทางทั้ง 4 ด้าน ได้แก่  

 

ชมวิดีโอแผนงานด้านความยั่งยืนของเนสท์เล่ได้ที่

 

 

1. บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก (Sustainable Packaging)

 

netsle

 

ที่ผ่านมา เนสท์เล่ ไม่หยุดที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น หลอดกระดาษโค้งงอได้ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ UHT สามารถทดแทนการใช้หลอดพลาสติกกว่า 500 ล้านหลอดในปี 2021 หรือบรรจุภัณฑ์แบบ Monostructure ที่ผลิตจากพลาสติกประเภทเดียวกัน และสามารถนำไปรีไซเคิลได้เป็นครั้งแรกของโลก

 

อีกทั้งยังพลิกโฉมตลาดไอศกรีมครั้งแรกในประเทศไทยด้วยซองไอศกรีมแบบกระดาษโดยไม่มีการเคลือบพลาสติก รวมไปถึงกาแฟกระป๋องอะลูมิเนียม 100% ซึ่งสามารถรีไซเคิลได้ นอกจากนี้ยังลดปริมาณการใช้พลาสติกผลิตใหม่ในการผลิตขวดน้ำดื่มและพลาสติกหุ้มแพ็กอีกด้วย ทั้งหมดนี้ส่งผลให้บริษัทสามารถลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ได้ถึง 470 ตันภายในปี 2021 และปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ของเนสท์เล่ในไทยกว่า 90% สามารถนำไปรีไซเคิลได้

 

เนสท์เล่จะยังคงเดินหน้าสร้างอนาคตปลอดขยะให้คนรุ่นต่อไปด้วยการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเนสท์เล่ระดับโลกในการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% และลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ลง 1 ใน 3 ภายในปี 2025

 

2. การดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน (Water Stewardship)

 

netsle

 

เนสท์เล่ เป็นองค์กรที่มีแนวทางการดำเนินธุรกิจชัดเจนในการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ตั้งแต่การดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ทั้งในโรงงานและชุมชนรอบข้าง ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง จนสามารถลดการใช้น้ำในโรงงานได้ 4.8% ต่อค่าเฉลี่ยของการผลิตผลิตภัณฑ์ 1 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2018

 

นอกจากนี้โรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ 2 แห่ง คือ โรงงานอยุธยา และ สุราษฎร์ธานี ยังเป็นรายเดียวในประเทศไทยที่ได้การรับรองมาตรฐานการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนระดับสากลจาก Alliance for Water Stewardship (AWS) ซึ่งเป็นกรอบการทำงานระดับโลกในการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และรับรองบริษัทที่มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่ออนุรักษ์แหล่งน้ำที่ใช้ร่วมกันและมีการร่วมมือกับชุมชน

 

การผลักดันโครงการต่างๆ ที่จะช่วยกระตุ้นเตือนให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญของการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนก็เป็นสิ่งที่เนสท์เล่ดำเนินการมาตลอด อย่าง ‘โครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำ’ ที่ทำต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ด้วยความร่วมมือกับภาคประชาสังคม ชุมชน และหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น ในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปกป้องและฟื้นฟูคุณภาพน้ำในคลองขนมจีน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตลอดจนจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ เพื่อปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนให้แก่นักเรียนและชุมชนโดยรอบ

 

โครงการดังกล่าวสร้างผลดีต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านใน 13 ตำบล จากการสำรวจร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา พบว่า น้ำในคลองขนมจีนมีคุณภาพดีขึ้นจากตัวชี้วัดทางเคมีและชีวภาพต่างๆ อาทิ ปริมาณออกซิเจนที่แบคทีเรียต้องการใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำ (BOD) และปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ (DO) และจำนวนสัตว์น้ำ เช่น หอยกาบ หอยขม และกุ้งฝอย มีมากขึ้น ส่งผลให้ชุมชนสามารถนำน้ำในคลองมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นถึง 1.2 ล้านลูกบาศก์เมตร ในการอุปโภคและใช้ในการเกษตรและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

 

ผลลัพธ์ที่ได้เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า แนวทางการดำเนินงานทั้งหมด จะนำไปสู่การดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

 

3. การจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน (Sustainable Sourcing)

 

netsle

 

 

‘วัตถุดิบอย่างยั่งยืน’ มีความสำคัญในหลายมิติ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมแต่ยังช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ความเชี่ยวชาญและสร้างผลผลิตอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน เนสท์เล่ได้ใช้น้ำนมวัวและเมล็ดกาแฟโรบัสต้า ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน 100%

 

เนสท์เล่ ยังวางแนวทางเพื่อสนับสนุนการจัดการวัตถุดิบอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ ‘Nescafé Plan’ ที่เนสกาแฟได้จัดทำ ด้วยการกระจายต้นกล้ากาแฟสายพันธุ์ที่ดีให้กับชาวสวนกาแฟ ตลอดจนถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีด้านการเกษตรในการปลูกกาแฟ ส่งเสริมการปลูกพืชร่วม เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรดิน เพื่อให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนจากผลิตผลในระยะยาว นับตั้งแต่ปี 2006 เนสท์เล่ กระจายต้นกล้ากาแฟให้เกษตรกรในท้องถิ่นรวมกว่า 3.5 ล้านต้น อบรบให้ความรู้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟกว่า 2,000 คน และรวมถึงสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟกว่า 2,500 คนให้ผ่านเกณฑ์การทำสวนกาแฟตามมาตรฐานสากล 4C (Common Code for Coffee Community) 

 

นอกจากนี้เนสท์เล่ยังสนับสนุนการทำเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูในการจัดการฟาร์มโคนม ด้วยการอบรมและสนับสนุนการจัดการระบบโภชนะสำหรับวัวเพื่อเพิ่มคุณภาพและปริมาณน้ำนมดิบ รวมทั้งให้ความรู้เกษตรกรในการยกระดับมาตรฐานฟาร์มให้ตรงตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม และให้ความช่วยเหลือให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งน้ำและนำพลังงานทางเลือกมาใช้ในฟาร์มอีกด้วย

 

4. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Reduction)

 

netsle

 

ภารกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ เนสท์เล่ ประเทศไทย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พุ่งเป้าไปที่กระบวนการผลิตและการขนส่งสินค้า ไม่ว่าจะเป็นนำร่องใช้รถพลังงานไฟฟ้าในการขนส่งผลิตภัณฑ์คิทแคท และรถสามล้อไฟฟ้าขายไอศกรีมเนสท์เล่ รวมถึงตั้งเป้า 41% เปลี่ยนรถยนต์ผู้บริหารให้เป็นรถยนต์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลงภายในปี 2022

 

ด้านกระบวนการผลิต เนสท์เล่ริเริ่มใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในโรงงานและกระบวนการผลิต และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการใช้พลังงานและน้ำ รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยแนวคิด 3R คือ Reduce, Rethink, Replace ส่งผลให้ปัจจุบันโรงงานทุกแห่งของเนสท์เล่ไม่มีขยะฝังกลบ เป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์ที่ทำให้การเดินหน้าสู่เป้าหมายในการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025 เป็นจริงได้ไม่ยาก

 

แผนงานด้านความยั่งยืนทั้งหมดนี้ยังสอดคล้องกับการยกระดับการดำเนินธุรกิจที่มากกว่า ‘การไม่ทำร้ายโลก’ สู่เส้นทางแห่ง ‘การดูแลและฟื้นฟู’ หรือ Regeneration เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และส่งผลดีต่อระบบอาหารในวงกว้าง

 

“เนสท์เล่ ประเทศไทยมุ่งขับเคลื่อนคำมั่นสัญญาของเนสท์เล่ระดับโลกในการเร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการดูแลและฟื้นฟูระบบอาหาร โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศ ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกร และพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชุมชน ด้วยคำมั่นสัญญาระยะยาวของเราในการดูแลและฟื้นฟูเพื่อสร้างโลกที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป” วิคเตอร์กล่าวทิ้งท้าย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising