×

กองทัพเรือตั้ง ‘ศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษฯ’ เร่งจัดการคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลระยอง

โดย THE STANDARD TEAM
27.01.2022
  • LOADING...
กองทัพเรือ

วันนี้ (27 มกราคม) พล.ร.ท. ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเกี่ยวกับจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.) เพื่อเร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลระยอง 

 

พล.ร.ท. ปกครอง เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์ท่อน้ำมันดิบใต้ทะเลของบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) มีน้ำมันดิบรั่วไหล จากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บริเวณละติจูด 12 องศา 29.3 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 101 องศา 11.76 ลิปดาตะวันออก ซึ่งเกิดเหตุเมื่อเวลา 21.06 น. ของวันที่ 25 มกราคม 2565 เป็นเหตุให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเลในระดับ 2 ของแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาตินั้น 

 

กรมเจ้าท่าในฐานะศูนย์ประสานงานการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันได้ประสานมายังกองทัพเรือ เพื่อขอให้จัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการ เพื่อดำเนินการขจัดคราบน้ำมันในบริเวณดังกล่าว ตามแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำแห่งชาติ พ.ศ. 2545 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน พ.ศ. 2547 พร้อมขอรับการสนับสนุนอากาศยานเรือตรวจการณ์ และเรือช่วยปฏิบัติงานขจัดคราบน้ำมันเพื่อปฏิบัติการในพื้นที่เกิดเหตุ 

 

ในการนี้กองทัพเรือจึงได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ หรือเรียกโดยย่อว่า ศอปน.ทร. ขึ้น โดยมีหน้าที่ในการอำนวยการกำกับการ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง    

 

ในขณะเดียวกันก็สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 1 จัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 (ศคปน.ทรภ.1) หรือ On Scene Commander เพื่อทำหน้าที่กำหนดแผน และยุทธวิธีในการขจัดคราบน้ำมัน ปฏิบัติการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ ตลอดจนอำนวยการประสานกับส่วนราชการ และหน่วยงานภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งสั่งการหน่วยสนับสนุนต่างๆ โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2565 เป็นต้นมา โดยจะปฏิบัติภารกิจจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย

 

สำหรับการดำเนินการที่ผ่านมา ทัพเรือภาคที่ 1 ได้ส่งเครื่องบินลาดตระเวนขึ้นบินสำรวจคราบน้ำมันทางอากาศ และจัดเรือ ต.273 กับเรือ ต.228 ออกตรวจสอบคราบน้ำมันบนผิวน้ำ นอกจากนั้นได้จัดเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ ขึ้นบินตรวจสอบทิศทางการรั่วไหลของคราบน้ำมัน รวมถึงนำสารเคมี Dasic International Slickgone ขึ้นไปโปรยบริเวณพื้นที่เกิดเหตุหน้าท่าเรือมาบตาพุด นอกจากนั้นยังได้เตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์พร้อมในการสนับสนุนหน่วยต่างๆ ในการขจัดคราบน้ำมัน

 

ด้าน พล.ร.ต. วิฉณุ ถูปาอ่าง ผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคง กรมยุทธการทหารเรือ ได้เปิดเผยถึงการดำเนินการต่อไป สำหรับการดำเนินการต่อไปได้วางแผนการขจัดคราบน้ำมันในทะเล โดยแบ่งเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ การขจัดกลุ่มคราบน้ำมันขนาดใหญ่ ดำเนินการโดยใช้ทุ่นลอบกัก แล้วใช้เครื่องดูดหรือ Skimmer ดูดคราบน้ำมัน ซึ่งถือว่าเป็นสารพิษอันตราย จากทะเลสู่ถังเก็บ แล้วนำส่งกรมอุตสาหกรรมเพื่อทำการทำลายต่อไป

 

สำหรับในส่วนของการขจัดกลุ่มคราบน้ำมันที่มีทิศทางการเคลื่อนที่ที่เป็นอันตรายต่อชายฝั่งและพื้นที่เปราะบาง ดำเนินการโดยใช้ทุ่นล้อมเบี่ยงทิศการเคลื่อนที่ให้ออกห่างจุดเปราะบางไปสู่ทะเลเปิด แล้วทำการล้อมดักและดูดไปทำลายตามกระบวนการต่อไป

 

สำหรับแผนการขจัดคราบน้ำมันบริเวณชายฝั่ง แบ่งเป็น 2 ลักษณะ โดยแยกเป็นพื้นที่ชายฝั่งในทะเล ได้ประสานกับทางจังหวัด ในการใช้ทุ่นล้อมกันขึ้นฝั่ง ไม่ให้คราบน้ำมันขึ้นสู่ชายฝั่ง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก พื้นที่ชายฝั่งบนบก บริเวณที่เป็นหินจะใช้การฉีดน้ำให้คราบน้ำมันรวมตัวกัน แล้วตักเก็บไปทำลาย บริเวณที่เป็นหาดทรายจะใช้รถแบคโฮลตักคราบน้ำมันที่ปะปนกับทรายแล้วนำไปทำลาย ทั้งนี้ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จะต้องสวมชุดป้องกัน และสามารถปฏิบัติงานได้เพียง 4 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น เนื่องจากสารพิษจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้ปฏิบัติงาน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising