ถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงอาหารจีน เราเชื่อว่าคุณคงมีลิสต์ร้านอาหารจีนในดวงใจทั่วกรุงเทพฯ และไปมาจนเกือบครบแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเป็นร้านเก่าแก่ อาหารดี บริการอาจพอรับได้ แต่การตกแต่งและบรรยากาศร้านอาจจะดูเก่าไปนิด และหากจะนัดเพื่อนมาสังสรรค์ก็ดูจะยากไปหน่อย ไม่เป็นไร เพราะครั้งนี้ THE STANDARD POP ขอชวนคุณไปที่โรงแรม Rosewood Bangkok ย่านเพลินจิต แม้เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน แต่จากการบอกเล่าแบบปากต่อปากถึงห้องอาหารจีนประจำโรงแรมที่โดดเด่นทั้งรสชาติและบรรยากาศ ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะกดลิฟต์ไปชั้น 19 เพื่อเดินทางไปสู่เส้นทางแห่งรสชาติตำรับจีนจากเหนือจรดใต้ที่ Nan Bei
The Vibe
โชคดีที่มีทางเชื่อมจากรถไฟฟ้าเข้าสู่โรงแรม ทำให้เราไม่ต้องเดินลงถนนเลยแม้แต่น้อย หลังจากกดลิฟต์ไปที่ชั้นล็อบบี้ เพื่อเปลี่ยนลิฟต์อีกตัวไปยังห้องอาหาร เพียงไม่กี่อึดใจเราก็มายืนอยู่หน้าสะพานนกกระเรียนเป็นที่เรียบร้อย
หลายคนอาจสงสัยว่าอะไรคือสะพานนกกระเรียน ก่อนอื่นจึงต้องเท้าความถึงตำนานพื้นบ้านของจีนที่บันทึกเรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า ที่โชคชะตากลั่นแกล้งให้พานพบกันเพียงปีละครั้ง ทุกวันที่ 7 เดือน 7 ณ สะพานนกกระเรียน และทั้งหมดนี้ได้กลายมาเป็นคอนเซปต์การตกแต่งห้องอาหาร Nan Bei อันมีกลิ่นอายรายละเอียดของตำนานพื้นบ้านดังกล่าว ดังจะเห็นได้จากหน้าร้านที่มีแสงไฟและนกกระเรียนหลายร้อยตัวเรียงรายเป็นเหมือนสะพาน ส่วนช่องว่างกลางตึกก็มีน้ำตกความสูงเกือบสิบชั้น หลังจากชื่นชมความสวยงามของหน้าห้องอาหารเสร็จเรียบร้อยก็เข้าไปภายในร้านที่มาในแนว Chinese Art Deco การตกแต่งถ่ายทอดเรื่องราวของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า โดยมีห้องที่ตกแต่งด้วยโคมไฟรูปทรงคล้ายกระสวยทอผ้า และผสมผสานความเป็นจีนสมัยใหม่แทนที่จะเลือกโทนสีแดง กลายเป็นการใช้สีเขียวเอเมอรัลด์ ตัดกับเฟอร์นิเจอร์และภาพวาดฝีมือศิลปินสาวชาวไทย Pomme Chan
พื้นที่รับประทานอาหารแบ่งเป็นสามส่วน โดยมีห้องแยกซ้ายและขวา ซึ่งทั้งสองห้องต่างก็อยู่ในทำเลมุมตึก ทำให้เห็นทิวทัศน์กรุงเทพฯ ช่วงกลางวันและยามค่ำคืนได้สวยที่สุดในย่านเพลินจิต หรือจะดื่มด่ำกับลมเย็นๆ แค่ผลักประตูออกไปก็พบกับมุมเล็กๆ ที่หันหน้าเข้าถนนเพลินจิต แถมยังมองเห็นแนวรถไฟฟ้าได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
ส่วนห้องกลางซึ่งเป็นทั้งครัวเปิดและโต๊ะอาหาร ใครอยากดูเบื้องหลังเป็ดปักกิ่งหรืออาหารจานไหน ลองเปลี่ยนมานั่งที่ห้องกลางก็ดูไม่เลว ส่วนใครที่แวะมาแค่ดริงก์ เชิญมุ่งหน้าไปที่ค็อกเทลบาร์ในห้องขวามือ แล้วสั่งวิสกี้แพริ่งกับชาจีนสักเซต หรือจะให้บาร์เทนเดอร์แนะนำคลาสสิกค็อกเทลทวิสต์กับความเป็นจีนก็น่าสนใจเหมือนกัน
The Dishes
ด้วยความที่ Nan Bei นำเสนออาหารจีนจากภาคเหนือจรดใต้ และมีอาหารหลากหลายประเภท เชฟประจำร้านจึงมี 4 คน ล้วนมีประสบการณ์สูงและเชี่ยวชาญอาหารเฉพาะทางเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบอาหารคนละประเภท โดยวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารจะนำเข้าจากประเทศจีนเป็นหลัก เพื่อให้อาหารมีรสชาติดั้งเดิมมากที่สุด และวัตถุดิบบางอย่างที่เน้นความสดใหม่จริงๆ ก็ใช้ของไทยประกอบด้วย อีกทั้งยังคัดสรรเฉพาะวัตถุดิบออร์แกนิก ปลอดสารเคมี และลดการใช้พลาสติกในทุกขั้นตอน
หากมาช่วงกลางวัน อย่าลืมถามหาเมนูติ่มซำไว้กินรองท้องระหว่างรออาหารจานใหญ่ แม้จะมีไม่ตัวเลือกไม่มาก แต่ดูจากชื่อรายการก็รู้ทันทีว่าแต่ละอย่างไม่ธรรมดาทั้งนั้น ไม่หวือหวา แต่ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น Shrimp Dumplings ‘Har Gow’ (180 บาท) ติ่มซำเบสิกที่หลายคนอาจมองข้าม หรือไม่ก็ชื่นชอบแบบหัวปักหัวปำ
สำหรับเราแล้วไม่มีครั้งไหนที่กินติ่มซำแล้วจะไม่สั่งฮะเก๋า เพราะเจ้าสิ่งนี้ถือเป็นตัวชี้วัดสกิลของเชฟได้เป็นอย่างดี เพราะต้องบาลานซ์สัดส่วนของแป้งที่ห่อหุ้มเนื้อกุ้งให้มีความเหนียว หนา และนุ่มพอดิบพอดี เพราะหากแป้งไม่หนา ไส้จะหล่นออกมา แลดูไม่สวยงามและกินยากขึ้นกว่าเดิม แต่หากแป้งเหนียวเกินไป จากติ่มซำที่เป็นของกินชิ้นพอดีคำ ไม่ต้องเคี้ยวเยอะ ก็อาจต้องออกแรงเคี้ยวมากกว่าเดิมจนหมดอารมณ์อยากรับประทานก็เป็นได้ และแน่นอนว่า Nan Bei ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะสัดส่วนระหว่างแป้งกับกุ้งนั้นช่างลงตัว แถมยังเป็นกุ้งชิ้นโตเคี้ยวกรุบสนุกปากที่สุด
Shrimp Dumplings ‘Har Gow’ (180 บาท)
ติ่มซำอีกเข่งที่เราเชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยกินและรู้จักกันดี นั่นคือ ขนมจีบ ซึ่งเราเคยประสบปัญหามันหมูเยอะกว่าไส้หลัก แต่ไม่ใช่สำหรับที่ห้องอาหารจีนแห่งนี้ เราแนะนำ Tiger Prawn, Kurobuta Pork ‘Siu Mai’ (190 บาท) ขนมจีบกุ้งลายเสือกับหมูคุโรบูตะ เนื้อนุ่มเด้งด้วยกันทั้งคู่ และยังท็อปด้วยไข่กุ้งที่เพิ่มความมันขึ้นอีกเล็กน้อย กินลูกเดียวไม่พอแน่นอน
Tiger Prawn, Kurobuta Pork ‘Siu Mai’ (190 บาท)
Egg Custard Buns (150 บาท) แม้ว่าซาลาเปาไส้ไหลจะถูกจัดให้อยู่ในหมวดติ่มซำของหวาน และมักจะรับประทานช่วงสุดท้ายของมื้ออาหารหรือแทนของหวาน แต่สำหรับซาลาเปาไส้ไหลที่นี่กลับสามารถกินเล่นรอจานหลักหรือจะกินส่งท้ายก็ได้ทั้งนั้น ด้วยความกลมกล่อมของไส้ไข่เค็มลาวาที่มีทั้งความเค็ม มัน หวาน และลื่นคอ จึงมีวิธีรับประทานสองแบบที่ต่างก็อร่อยกันคนละแบบ หากกินขณะที่เสิร์ฟมาร้อนๆ บิไส้ให้เยิ้มนิดๆ แล้วค่อยกิน จะสัมผัสได้ถึงความฉ่ำของลาวาได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่เลี่ยนเพราะมีแป้งซาลาเปาคอยซับรสชาติส่วนเกินออกมา แต่ถ้ารอให้ซาลาเปาเย็นตัวอีกนิดแล้วรับประทาน ก็จะได้ไส้ที่มีความครีมมี่ยิ่งกว่าเดิม
Egg Custard Buns (150 บาท)
ใครว่าจานนี้เป็นอาหารประจำโต๊ะจีน มาถึงหนึ่งในไฮไลต์ของ Nan Bei กันบ้าง Beijing Roast Duck (1,900 บาท) เป็ดปักกิ่งสูตรต้นตำรับที่เชฟลงมือคัดสรรเป็ดแต่ละตัวเพื่อให้ได้มาตรฐานและคุณภาพคงที่ โดยนำเป็ดไปยัดไส้พุทราจีนและสมุนไพรก่อนนำไปย่าง เพื่อทำให้เนื้อเป็ดมีความชุ่มชื้นแม้ผ่านความร้อนสูง จากนั้นจึงนำเป็ดทั้งตัวย่างในตู้ย่างประมาณ 1 ชั่วโมง โดยใช้ไม้ลิ้นจี่ผสมไม้อื่นในการย่าง เมื่อครบชั่วโมง หนังเป็ดจะกรอบแห้ง เชฟจะนำเป็ดทั้งตัวมาหั่นสไลด์เสิร์ฟถึงโต๊ะ ซึ่งจะประกอบด้วยหนังเป็ด เนื้อเป็ด และโครงเป็ด
Beijing Roast Duck (1,900 บาท)
สำหรับหนังเป็ด การรับประทานหนังเป็ดแบบปักกิ่งจะนำไปจิ้มกินกับน้ำตาลทรายขาว และไม่จิ้มซีอิ๊วดำเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ไม่เสียรสชาติที่แท้จริงของเป็ด ส่วนเนื้อเป็ด นำไปห่อแป้งแล้วตามด้วยผัก กระเทียมสับละเอียด และปักกิ่งดาร์กซอสรสหวานเค็มอันเป็นสูตรลับของเชฟ โครงเป็ดหลังจากเชฟแล่หนังและเนื้อเรียบร้อยแล้ว สามารถเลือกได้ว่าจะให้เชฟนำเป็ดไปทอดยี่หร่าหรือทอดพริกเกลือ หรือจะทำซุปตุ๋นกับเต้าหู้ก็ได้ทั้งนั้น และไม่คิดค่าบริการเพิ่ม
หนังจิ้มน้ำตาล
ส่วนเนื้อเอาแป้งห่อ
ในส่วนของเมนูซีฟู้ด ลองสั่งจานแยกกินแต่ละคน Hokkaido King Scallop (380 บาท/ตัว) หอยเชลล์ญี่ปุ่นตัวโตนำไปนึ่งจนเนื้อเด้งหวาน จากนั้นปรุงรสด้วยซอสกระเทียม กินคู่กับวุ้นเส้นที่รองอยู่ข้างล่าง
Hokkaido King Scallop (380 บาท/ตัว)
Blue Crab (ราคาตามตลาด) ปูม้าเจี๋ยนต้นหอม โดยนำปูม้าทั้งตัวผัดด้วยไฟแรงพร้อมกับต้นหอมญี่ปุ่น เพิ่มขิงและซอสสูตรลับของเชฟ
ปูม้าเจี๋ยนต้นหอม
ส่งท้ายมื้อกลางวันกับของหวานจากทางตอนเหนือของจีน ที่ถูกดัดแปลงให้เข้ากับสภาพอากาศบ้านเรา และช่วยเสริมธาตุเย็นให้ร่างกาย Li-Tang (360 บาท) ซุปลูกแพร์ตุ๋น ใส่เห็ดหูหนูขาว แปะก๊วย และเก๋ากี้ เสิร์ฟแบบเย็นเป็นพื้นฐาน หากต้องการแบบร้อนก็แจ้งเปลี่ยนรูปแบบการเสิร์ฟได้
Li-Tang (360 บาท)
What You Should Know
- Nan Bei ในภาษาจีนหมายถึง ใต้และเหนือ ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบอาหารจีนของห้องอาหาร
- เมนูติ่มซำให้บริการเฉพาะช่วงกลางวัน
- สำหรับการสังสรรค์กลุ่มใหญ่ ห้องอาหารมีเซตเมนูแนะนำ
- การรับประทานเป็ดปักกิ่งส่วนที่เป็นหนัง จะนำไปจิ้มกินกับน้ำตาลทรายขาวเท่านั้น
Nan Bei
Open: ทุกวัน 11.30-14.30 น., 18.00-22.30 น.
Address: ชั้น 19 โรงแรม Rosewood Bangkok ถนนเพลินจิต
Budget: 1,500-3,000 บาท
Contact: 0 2080 0088
Website: www.rosewoodhotels.com/en/bangkok/dining/Nan-Bei
Map:
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า