การเข้ามาของเทคโนโลยีทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในแง่ของการ ‘ช้อปปิ้ง’ ซึ่งวันนี้ไม่ต้องออกไปซื้อที่ร้านเหมือนเดิมอีกแล้ว แค่จิ้มหน้าจอไม่กี่ครั้งสินค้าที่ต้องการก็จะถูกจัดส่งมาถึงหน้าบ้านในทันที
ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทำให้ ‘ร้านค้าปลีก’ ส่วนใหญ่ตัดสินในที่จะลดพื้นที่ร้านของตัวเองในสาขาที่เปิดใหม่ และหันไปให้ความสำคัญกับออนไลน์มากขึ้น
แต่สำหรับ Muji แบรนด์มินิมัลจากแดนซามูไรที่เข้าสู่เมืองไทยได้ 15 ปีกลับสวนกระแสเทรนด์ค้าปลีก เพราะนับจากนี้ไปร้านใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นจะมีขนาดใหญ่บิ๊กเบิ้มมากขึ้น ด้วยพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1,500 ตารางเมตร
“Muji เรามีสินค้า 3 กลุ่มหลักคือ ของใช้ภายในบ้าน เสื้อผ้า และอาหาร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งพื้นฐานในการดำเนินชีวิตประจำวันของคนเรา” มาซาชิ โอกะ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายจัดซื้อ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “การมีร้านที่ใหญ่ขึ้นจะทำให้เราเติมสินค้าและบริการที่เรามีเพื่อนำเสนอแก่ลูกค้าได้”
Muji เข้าสู่ประเทศไทยในปี 2549 ในรูปแบบของธุรกิจแฟรนไชส์ ก่อนที่ในปี 2556 ได้ก่อตั้ง บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด
ในช่วงแรกร้านของ Muji จะมีพื้นที่เฉลี่ย 400 ตารางเมตร แต่การเปลี่ยนแปลงในแง่ของพื้นที่ร้านเกิดขึ้นในปี 2562 เมื่อมีการเปิด Flagship Store ที่ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์บนพื้นที่กว่า 1,700 ตารางเมตร (หากรวมพื้นที่สต๊อกสินค้าด้วยจะมีพื้นที่รวม 1,900 ตารางเมตร) หลังจากนั้นร้านที่เปิดใหม่ก็มีขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตารางเมตรเลย
สำหรับทิศทางการเปิดร้านที่มีขนาดไม่น้อยกว่า 1,500 ตารางเมตรขึ้นไป ได้เริ่มประเดิมด้วยการรีโนเวตร้าน Muji ที่ห้างเซ็นทรัล ชิดลม โดยได้ขยับจากชั้น 3 ที่มีพื้นที่ 400 ตารางเมตร ขึ้นมาสู่ชั้น 7 ที่มีพื้นที่กว่า 1,800 ตารางเมตร
พื้นที่ใหญ่ขึ้นทำให้มีสินค้าเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า เป็น 4,600 รายการ และจำนวนพนักงานก็ปรับเพิ่มจาก 10 คนเป็น 36 คน ซึ่งร้านที่ถูกปรับปรุงใหม่นี้จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคมเป็นต้นไป
“ที่เราเลือกปรับปรุงที่นี่เป็นที่แรกภายใต้คอนเซปต์ใหม่ เป็นเพราะที่สาขาเซ็นทรัล ชิดลมนั้นเป็นสาขาแรกของ Muji ในประเทศไทย สาขานี้จึงมีความหมายกับเรามาก” มาซาชิ กล่าว
การได้พื้นที่ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้สาขานี้มีความใหม่หลายๆ อย่างซ่อนอยู่อย่าง Muji Showroom หรือบ้าน Muji ซึ่งเป็นครั้งแรกของการจำลองห้องที่ตกแต่งด้วยสินค้าของ Muji เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ของ Muji เข้ากับห้องได้อย่างไร
รวมไปถึงการเปิดโซนอาหารประจำวัน (Daily Food & Bakery) ที่มีอาหารให้เลือกหลากหลายชนิด ทั้งข้าวปั้น เบนโตะ หรือข้าวกล่องสไตล์ญี่ปุ่น ไปจนถึงสลัดผัก ขนม เบเกอรีที่ปรุงสดใหม่ และยังมีไอศกรีมที่จำหน่ายในสาขานี้เป็นแห่งแรกด้วย
‘อาหาร’ ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของ Muji เพราะในบ้านเกิดนั้น Muji มีสินค้ากลุ่มอาหารกว่า 600 รายการ แต่ปัจจุบันสามารถนำเข้ามาขายได้ไม่ถึง 50 รายการ ซึ่งเกิดจากการที่กฎระเบียบด้านอาหารระหว่างญี่ปุ่นและไทยไม่เหมือนกัน สินค้าบางส่วนจึงไม่ได้ถูกนำเข้ามา
แต่ “เรื่องกินถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตประจำวัน” มาซาชิกล่าว ทำให้ Muji เลือกที่จะแก้ปัญหานี้โดยการนำสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยเข้ามาวางขายแทน
ในขณะที่อีกหนึ่งความท้าทายของ Muji คือ ‘ราคา’ ที่มักจะได้รับการส่งเสียงจากผู้บริโภคอยู่เสมอว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับราคาที่ญี่ปุ่น ทำให้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา Muji ได้ปรับลดราคาลงไปแล้ว 1,200 รายการ โดยราคาใหม่นี้ Muji บอกว่า จะทำให้ผู้บริโภคคนไทยสามารถเข้าถึงสินค้า Muji ได้ง่ายขึ้น
“จากเดิมราคาที่ไทยกับญี่ปุ่นจะห่างกันเฉลี่ย 30% แต่นับตั้งแต่เราปรับราคามา ตอนนี้ระยะห่างเหลือเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งราคาที่ลดลงเกิดจากการตัดกระบวนการที่ไม่จำเป็นออก ทำให้ต้นทุนลดลง” มาซาชิอธิบาย ขณะเดียวกันเมื่อถูกถามว่า เป็นไปได้ไหมที่ราคาในไทยจะเท่ากับญี่ปุ่น มาซาชิอธิบายว่า ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม แต่ตอนนี้มีสินค้าบางอย่างที่มีราคาในไทยถูกกว่าญี่ปุ่นให้เห็นแล้วเช่นกัน
ปัจจุบันนี้ Muji ในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 22 สาขา และเตรียมที่จะเปิดให้ถึง 25 สาขาภายในสิ้นปีนี้ และตั้งเป้าว่าจะเปิดได้ถึง 40 สาขาภายในปี 2567 หรือเฉลี่ยแล้วเปิดปีละประมาณ 5 สาขา ซึ่งมากกว่าก่อนหน้านี้ที่เปิดเพียงปีละ 2-3 สาขาเท่านั้น
มาซาชิอธิบายว่า บริษัทแม่ในญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับประเทศไทยมากในแง่ของการเติบโต จึงวางแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในทำเลต่างจังหวัดที่ Muji ยังมีอยู่ไม่มากนัก
ร้านใหม่ของ Muji ยังจะเปิดไปพร้อมกับศูนย์การค้า ในส่วนของร้านแบบสแตนด์อโลนที่แบรนด์เพื่อนร่วมชาติอย่าง Uniqlo ได้เริ่มเปิดในประเทศไทยไปแล้วนั้น มาซาชิระบุว่า ตอนนี้ Muji ยังไม่สนใจสาขาในรูปแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาสสำหรับร้านแบบสแตนด์อโลนเช่นกัน
ก่อนจะเกิดการระบาดของโรคโควิด ยอดขายหลักของ Muji มาจากกลุ่มเสื้อผ้า แต่ปัจจุบันกลุ่มนี้มีสัดส่วนที่ลดลงเหลือ 48% ขณะที่ 50% มาจากของใช้ภายในบ้าน ส่วนอีก 2% ที่เหลือมาจากกลุ่มอาหาร
สำหรับสินค้ายอดนิยมของ Muji ในไทยประกอบไปด้วย
- หมวดเสื้อผ้า: 1. Stretch Chino EZ Wide Pants 2. Way Stretch Chino Pants 3. Water Repellent Sneaker 4. Double Gauze Pajama และ 5.ORG Line Shirts
- หมวดของใช้ในบ้าน: 1. Smooth Gel Ink Pen 2. Cloth for Glasses 3. PP Box Wide 4. Aroma Diffuser และ 5. Circulator Fan
- หมวดอาหาร: 1. Mini Ramen 2. Chocolate Coated Strawberry และ 3. Baumkuchen
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- Muji ปักหมุดฝั่งธนฯ เปิดสาขาใหม่ล่าสุดที่ไอคอนสยาม มีครบโซนอาหาร ร้านกาแฟ เผยปี 2564 เตรียมเปิดทั้งหมด 4 สาขาด้วยกัน / https://thestandard.co/muji-open-new-shop-at-iconsiam/
- Muji ประเทศไทย ตัดสินใจเปิด ‘ช่องทางออนไลน์’ แล้ว แต่พ่วงไปกับ ‘เซ็นทรัลออนไลน์’ / https://thestandard.co/muji-thailand-launched-online-platform/
- Muji ประกาศ ‘ลดราคาสินค้า’ อีก 217 รายการ ตั้งแต่ 19 ก.พ. รวม 2 ปี ลดไปแล้ว 1,033 รายการ / https://thestandard.co/muji-announces-another-217-product-discounts/
- ราคาไม่มินิมัล? Muji แบ่งพื้นที่ 30% มาขาย ‘อาหาร’ ที่มีราคาสูงกว่าซูเปอร์ฯ ทั่วไป 1-2 เท่า เหตุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีคุณภาพสูง / https://thestandard.co/muji-selling-expensive-food-due-to-quality/
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
