ไม่สปอยล์ แต่ในอีพีแรกของ Move to Heaven ก็เริ่มด้วยการเสียชีวิต ซึ่งเป็นแกนกลางเรื่องที่เล่าถึงบริษัทรับทำความสะอาดและจัดเก็บข้าวของคนที่เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อส่งมอบให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง
เป็นซีรีส์ความยาว 10 ตอน ตอนละประมาณ 50-60 นาที เขียนบทโดย ยุนจีรยอน เจ้าของผลงานซีรีส์ Boy Over Flowers กำกับโดย คิมซองโฮ ที่ผันตัวจากสายภาพยนตร์มากำกับซีรีส์เป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้เราเห็นได้มุมกล้องและวิธีการเล่าเรื่องแบบใหม่ๆ ที่แปลกตาไปจากซีรีส์เกาหลีเรื่องอื่น
นำแสดงโดย อีเจฮุน ที่เพิ่งมีผลงานอย่าง Time to Hunt และ Taxi Driver ซึ่งกับ Move to Heaven ถือเป็นการพลิกบทบาทจากแอ็กชันเดือดๆ กลับมาสู่งานดราม่าสะท้อนชีวิตและสังคม ส่วนนักแสดงที่น่าสนใจอีกคนคือ ทังจุนซัง ที่หลายคนน่าจะจำกันได้จากบททหารน้องเล็กของแก๊งสหายผู้กองในซีรีส์ Crash Landing on You
มีอะไรในอีพี 1
อีพีแรก เป็นการทำความรู้จักกับ ฮันกือรู ชายหนุ่มที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ มีปัญหาในการทำความเข้าใจอารมณ์ของคนและการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
อ่านรายละเอียดของอาการแอสเพอร์เกอร์ได้ที่ https://thestandard.co/move-to-heaven/
กือรูกับพ่อทำธุรกิจส่วนตัวที่ชื่อ Move to Heaven โดยตลอดเวลาพ่อจะคอยสอนให้กือรูเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว เพื่อให้เขาอยู่ร่วมในสังคมได้โดยที่อาการแอสเพอร์เกอร์ไม่เป็นปัญหามากนัก
กือรูชอบสัตว์โลกใต้น้ำ โดยเฉพาะกระเบนราหูที่ในฉากเปิดตัวเราจะเห็นเขามีสมาธิอยู่กับเหล่าสัตว์น้ำในพิพิธภัณฑ์ และการท่องชื่อสัตว์ยังเป็นการช่วยสงบอารมณ์ของเขาด้วย
ด้วยอาการแอสเพอร์เกอร์ ทำให้กือรูจัดระเบียบทั้งข้อมูลที่มีอยู่ในความทรงจำ และจัดระเบียบสิ่งของ บ้านช่อง การจัดวางจานชาม กระทั่งไข่ดาวที่ไข่แดงต้องไม่แตกออกมา
ในอีพีแรก เรายังได้เห็นความสามารถของกือรูในด้านความจำ และการประมวลผลจากสิ่งของที่ผู้ตายทิ้งไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นชีวิตประจำวันของคนคนนั้น ซึ่งเหล่านี้คล้ายเป็น ‘ข้อความ’ ที่ผู้เสียชีวิตทิ้งเอาไว้ รอคอยใครสักคนมาปะติดปะต่อ และค้นพบว่าข้อความเหล่านั้นคือเรื่องราวอะไรที่ผู้เสียชีวิตอยากบอกเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย
Move to Heaven สะท้อนความจริงในสังคม
การทำหน้าที่เก็บข้าวของผู้ที่เสียชีวิตลงในกล่องสีเหลืองของ Move to Heaven มองอีกมุมหนึ่งได้ว่าความตายในโลกทุกวันนี้แทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ซีรีส์ยังสะท้อนให้เห็นรูปแบบการใช้ชีวิตของสังคมเมืองที่มีความโดดเดี่ยว ทั้งยังถูกกดทับด้วยการทำงานและภาระทางสังคมต่างๆ จนทำให้การจากไปของใครคนหนึ่งกลายเป็นเพียงจุดเล็กๆ และสิ่งของที่พวกเขาทิ้งไว้กลับกลายเป็นของที่ไม่มีใครต้องการ
ฉากสำคัญในช่วงกลางของอีพี 1 แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของกือรูในด้านความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น คือฉากที่เขาไปขอเข็มกลัดที่เขียนว่า ‘เด็กที่มีค่า’ เพื่อนำไปติดไว้ที่กระเป๋าของผู้ตาย
และถ้าดูมาถึงตอนนี้ หลายคนอาจจะเริ่มควานหากระดาษทิชชูมาซับหัวตา เพราะเรื่องราวการสูญเสียที่ปรากฏน่าจะไปตรงกับประสบการณ์ชีวิตได้ไม่ยาก หรือถ้ายังไม่เคยมีประสบการณ์ตรง การนึกถึงความตายในความหมายที่ซีรีส์สะท้อนออกมาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกในหัวใจ
อ่านต่อ สัมภาษณ์พิเศษ อีเจฮุน และ ทังจุนซัง จากซีรีส์ Move to Heaven
จบอีพี 1 แล้วควรไปต่อ?
เกือบจบอีพีแรกแล้ว ถึงจะเป็นการเปิดตัวของอีเจฮุนในบทคุณอาโจซังกูได้อย่างน่าสนใจ เหมือนเป็นสีสันใหม่ๆ ที่สาดเข้าไปในซีรีส์ และทำให้โลกใบเดิมของฮันกือรูเปลี่ยนไปในแบบที่คาดเดาไม่ได้ทันที
เพราะฉะนั้นกดรีโมตไปอีพี 2 ต่อได้เลยถ้าคุณเป็นแฟนอีเจฮุน เพราะ Move to Heaven นับเป็นงานแสดงที่ท้าทายตัวเขา ในแต่ละอีพีเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวละคร และอีเจฮุนแสดงมันออกมาได้อย่างน่านับถือหัวใจ
หรือถ้าคุณไม่ได้เป็นแฟนนักแสดงคนไหนเลยในเรื่องนี้ แต่ช่วงเวลาที่ต้องอยู่บ้านเป็นหลัก การได้ดูซีรีส์น้ำดีก็คล้ายๆ ได้เยียวยาจิตใจ อย่างที่ผู้กำกับคิมซองโฮให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ซีรีส์เรื่องนี้เกี่ยวกับประเด็นสังคมสมัยใหม่ที่ค่อนข้างแห้งแล้งและน่าเศร้า พอมีคนเสียชีวิตก็แทบไม่มีใครมาใส่ใจ จัดการเก็บกวาดทำความสะอาด หรือจัดการข้าวของที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่แห้งแล้ง ผู้คนใช้ชีวิตเพียงลำพัง
“ผมหวังว่าการได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ จะทำให้เราเป็นคนในสังคมที่ดีขึ้น ไม่เฉยเมยกับการจากไปของคนข้างๆ เพื่อนบ้าน หรือผู้คนในสังคม ยิ่งช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่เรากำลังก้าวข้ามผ่านกันตอนนี้ ผมมองว่าเราทำได้ดีกว่านี้ในฐานะสมาชิกของครอบครัว ชุมชน สังคม เราทำอะไรได้มากกว่านี้ ดูแลกันและกันได้มากกว่านี้ในฐานะของพลเมือง ความเป็นมนุษย์ เพราะมีคนมากมายเหลือเกินที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวและแสนเศร้า”
ตัวอย่างซีรีส์ Move to Heaven
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์