วันนี้ (18 มิถุนายน) ที่อาคารรัฐสภา ชัยธวัช ตุลาธน สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดนัดพิจารณาคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลครั้งต่อไปในวันที่ 3 กรกฎาคม และมีกำหนดให้คู่กรณีเข้ามาตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 9 กรกฎาคมที่จะถึงนี้
โดยชัยธวัชยอมรับว่า เรายังไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเลือกพยานคนใดบ้าง หรือจะให้ส่งความเห็นเป็นหนังสืออย่างเดียว ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าพยานทั้งหมดที่เราเสนอไปจำนวน 10 กว่าคนนั้น ศาลจะเลือกขอความเห็นกี่คน เพราะศาลเองก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องเลือกทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เราก็หวังว่าพยานปากสำคัญในประเด็นสำคัญจริงๆ จะมีโอกาสได้ไปให้การในการไต่สวนต่อสาธารณะ ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่จะได้พิจารณาข้อต่อสู้และเหตุผลต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี้
ชัยธวัชกล่าวด้วยว่า พรรคก้าวไกลไม่จำเป็นต้องปรับแผนอะไร เราเดินหน้าทำงานเหมือนเดิม ส่วนเรื่องพรรคสำรองคิดว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะยังต่อสู้เต็มที่ให้ถึงที่สุดก่อน ขณะนี้ยังสามารถยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ แต่เท่าที่ยื่นไปแล้วก็คิดว่าน่าจะเพียงพอ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะเลือกเรียกพยานคนใดบ้าง และจะเรียกเป็นเอกสารเท่านั้น หรือจะเรียกบางคนไปให้การต่อศาลในชั้นไต่สวน
ทั้งนี้ การเรียกพยานของศาลยังประเมินไม่ได้ว่าเป็นสัญญาณบวกหรือลบ เพียงแต่ในคดีที่แล้วไม่มีการเชิญพยานไปไต่สวนในชั้นศาล ซึ่งเราเห็นว่าคดีนี้ ซึ่งเป็นคดีที่สำคัญและมีโทษขนาดยุบพรรค และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคนั้น การเปิดไต่สวนและเผยแพร่ต่อสาธารณะจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และทำให้คำวินิจฉัยของศาลได้รับการยอมรับ เพราะพิจารณาจากเหตุผลจากทุกฝ่าย ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องอย่างรอบด้านที่สุด
“อย่างน้อยผมคิดว่าก็มีโอกาสขึ้นจากเดิม จากที่หลายคนอาจจะเข้าใจว่าเรื่องนี้คงไม่ต้องพิจารณาอะไรแล้ว แต่ข้อต่อสู้เราก็คงมีน้ำหนักและประเด็นที่ทำให้ศาลต้องพิจารณา” ชัยธวัชกล่าว
▪️ เชื่อศาลให้ความเป็นธรรม 9 ข้อต่อสู้
ด้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าเมื่อมีการตรวจสอบพยานหลักฐานของแต่ละฝ่ายแล้ว มักจะหมายความว่าให้มีการสืบพยานหรือไม่ เพราะเข้าใจว่าทางผู้ร้องก็มีความพยายามพอสมควร ฝั่งก้าวไกลก็มีพยานที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับกฎหมายและระบบประชาธิปไตยอยู่มาก ถ้ามีโอกาสได้ไต่สวนหรือสืบพยานก็คงจะได้อธิบายเหตุและผล และความไม่เชื่อมโยงกันกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567
สำหรับกรณีที่ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นคำร้องว่า 9 ข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกลอาจเป็นการละเมิดอำนาจศาล พิธากล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนการ ส่วนตัวคิดว่าศาลน่าจะเห็นตามหลักของกฎหมายและความยุติธรรมที่จะอนุญาตให้มีโอกาสเปิดเผยหลักฐานชัดเจน และเป็นไปตามกระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก็เป็นดุลพินิจของศาล คงไปก้าวล่วงไม่ได้