×

รมว.ท่องเที่ยว เตรียมเสนอ ศบค. สัปดาห์หน้า เปิดผับ-บาร์ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หวังรายได้เข้าประเทศ

22.10.2021
  • LOADING...
พิพัฒน์ รัชกิจประการ

วันนี้ (22 ตุลาคม) พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์รายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ดำเนินรายการโดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เผยแพร่ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 

 

พิพัฒน์กล่าวถึงการเตรียมเปิดประเทศวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ รับนักท่องเที่ยว 46 ประเทศ โดยยอมรับว่านักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในเดือนพฤศจิกายน เป็นกลุ่มที่เตรียมการเดินทางมาล่วงหน้าอยู่แล้วก่อนที่จะมีการประกาศเปิดประเทศเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ดังนั้นกลุ่มนี้ยอมรับเงื่อนไขการกักตัวตามที่วางแผนไว้แต่เดิม  

 

สำหรับการประกาศเปิดประเทศวันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นการประกาศเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางของนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความพร้อมทั้งหมดวันที่ 1 ธันวาคม

 

แต่จริงๆ แล้วขณะนี้โดยเฉพาะการจองห้องพักในจังหวัดที่นักท่องเที่ยวชอบเดินทางโดยเฉพาะที่ กระบี่ พังงา ภูเก็ต ขณะนี้มีการจองห้องพักเข้ามาค่อนข้างเยอะมาก ซึ่งแน่นอน เขาอาจจะได้ข่าวมาล่วงหน้า 

 

แต่โดยพฤติกรรมแล้วในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม และไตรมาสแรกของปีถัดไป โดยปกติเขาจะออกมาท่องเที่ยวนอกประเทศ เพราะว่าในหลายๆ ภูมิภาคเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งก็น่าจะหนาวจัด เขาเลือกที่จะมาพักผ่อนในประเทศไทย

 

เดือนธันวาคม คาดว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะมากพอสมควร น่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 3 แสนคนเฉพาะเดือนธันวาคม ซึ่งอันนี้คิดว่าน่าจะเป็นประมาณการขั้นต่ำ ที่จริงๆ แล้วในเดือนพฤศจิกายนก็น่าจะมีตัวเลขเกิน 1 แสนคน แต่จะมาเยอะจริงก็น่าจะเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ น่าจะเกิน 5 แสนคนต่อเดือนในช่วงนั้น 

 

ผู้ดำเนินรายการถามว่า คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาจากโซนไหน พิพัฒน์กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในอดีตก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิด ก็น่าจะเป็นกลุ่มประเทศนอร์ดิก คือสวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ 4-5 ประเทศ น่าจะมาเต็มแน่ เพราะเขาก็จะมารำลึกถึงเหตุการณ์สึนามิ ซึ่งเขาสูญเสียญาติพี่น้องไปด้วยส่วนหนึ่ง และที่มามากอยู่แล้วเป็นปกติอีก 2-3 ประเทศคือ สหราชอาณจักร สหรัฐอเมริกา อิตาลี ฝรั่งเศส รัสเซีย และประเทศที่สำคัญอีกประเทศคือสวิตเซอร์แลนด์

 

นอกเหนือไปกว่านั้น คือเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งโดยส่วนใหญ่ช่วงปลายปีจนถึงต้นปี จะมีนักกอล์ฟจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเข้ามาฝึกซ้อมกอล์ฟในประเทศไทยเยอะมาก โดยเฉพาะนักกอล์ฟที่เป็นเยาวชน ซึ่งในแต่ละปีเข้ามาเป็นหมื่นคนต่อปี 

 

“นักกอล์ฟและเยาวชนจะมาแล้วจะปิดสนามกอล์ฟ ซึ่งในอดีตเราอาจจะไม่ได้ซูมลงไปถึงตรงนั้น แต่ว่าจากการสำรวจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงได้รู้ว่านักกอล์ฟทั้งหลายที่เข้ามาในช่วงปลายปีเยอะมากเพราะในเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ในประเทศเขาไม่สามารถที่จะเล่นกอล์ฟได้เลย เพราะฉะนั้นเยาวชนที่อยู่ในค่ายหรืออยู่ในช่วงกำลังจะเข้าไปแข่งในซีรีส์ต่างๆ หรือเยาวชนที่กำลังเติบโตมาเป็นนักกอล์ฟอาชีพได้ เขาจะมาฝึกซ้อมในประเทศไทยเยอะ” พิพัฒน์กล่าว

 

พิพัฒน์กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเลขยอดจองสำหรับกลุ่มนี้มีแล้วในจังหวัดเชียงใหม่ สระบุรี และกรุงเทพมหานคร แต่ที่มีการปิดสนามคือที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสระบุรี มีแน่นอน รวมถึงจังหวัดนครนายก ซึ่งที่สนามกอล์ฟอาทิตยา จะมีชาวเกาหลีจำนวนมาก ขณะที่ในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมาไม่มีการปิดสนาม และที่เข้ามาส่วนมากจะเป็นนักธุรกิจที่มากันเยอะ 

 

ผู้ดำเนินรายการถามว่า ในเชิงนโยบายได้ร่วมกันจำลองสถานการณ์อย่างไรก่อนประกาศเปิดประเทศ สำหรับความเสี่ยงกรณีมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากขึ้นและจะจัดการอย่างไร 

 

พิพัฒน์กล่าวว่า การจำลองสถานการณ์ในขณะนี้ ต้องจำลอง 2 รูปแบบ คือ ถ้าหากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติติดเชื้อโควิด ได้เตรียมการเรื่องฮอสพิเทลกับโรงพยาบาลที่สามารถรับผู้ป่วยในระดับสีเหลืองและสีแดง ถ้าเป็นสีเขียวเราก็จะนำเข้าฮอสพิเทล ซึ่งตรงนี้ไม่มีปัญหาเพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีประกันโควิดมาเรียบร้อย เราคิดว่าน่าจะดำเนินการได้

 

ส่วนคนไทย ถ้าหากว่ามีการกระเพื่อมหรือมีการติดขึ้นมาอีก โดยมีสาเหตุจากการท่องเที่ยวเองในประเทศไทย แล้วก็สาเหตุจากการที่เราเปิดประเทศ การค้าการขายก็ต้องมีการกระเตื้องและเปิดได้ทั้งหมด แน่นอนเชื่อว่าจะมีการแพร่ระบาดของโควิดอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่สำคัญตามที่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศออกมาแล้วว่า สิ้นเดือนพฤศจิกายนคนไทย 70% น่าจะได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว 

 

ส่วนในเดือนธันวาคม เราน่าจะทำลักษณะฉีดวัคซีนเป็นโดสที่เป็นการบูสเตอร์โดสขึ้นมาได้ และในเดือนต่อไปหลังจากนั้นคือมีการเตรียมการเรื่องวัคซีนเรียบร้อย และทางนายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้ทางกระทรวงมหาดไทยแจ้งไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้มีการเตรียมความพร้อมเรื่องโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมเอาไว้ 

 

“สิ่งเหล่านี้ ปัจจุบันนี้ผมคิดว่าในหลายๆ จังหวัดเขาพร้อมอยู่แล้ว เพราะจากการแพร่ระบาดในขณะนี้หรือก่อนหน้านี้ ก็ยังไม่ได้รื้อถอนโรงพยาบาลสนามทิ้ง เพียงแต่เก็บรักษาไว้แล้วก็ทำการพ่นฆ่าเชื้อให้เรียบร้อย แต่ที่สำคัญที่สุดมากไปกว่านั้น คือถ้าหากติดมากจริงๆ เราจะเอาบุคลากรที่ไหนมา ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการหารือกับทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ว่าต้องมีการฝึกอบรม ถ้าหากมีการแพร่ระบาดอีกครั้งหนึ่งอย่างหนักๆ สมมติว่าเกินกว่าวันละ 2 หมื่นคน เราจะรับมือสถานการณ์อย่างไร 

 

และสำคัญไปกว่านั้นคือ ถ้าเราได้รับวัคซีนครบ 2 โดสไปแล้ว การที่เราจะมีอาการป่วยถึงขั้นติดเป็นสีแดง หรือถึงขั้นป่วยหนักต้องใช้ออกซิเจน หรือถึงขั้นเสียชีวิต น่าจะมีปริมาณน้อยลง นี่คือการเตรียมความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย” พิพัฒน์กล่าว

 

พิพัฒน์กล่าวด้วยว่า ถ้าคนไทยไปท่องเที่ยว 46 ประเทศที่กำหนด เมื่อเดินทางกลับมาแล้วก็ไม่ต้องกักตัวเช่นกัน เป็นการปลดล็อกทั้ง 2 ทาง คือ รับเข้าและเดินทางออก แต่การเดินทางไปต่างประเทศไม่ใช่ทุกประเทศใน 46 ประเทศที่เข้าแล้วไม่ต้องกักตัว ฉะนั้นมีเพียงบางประเทศที่ไม่ต้องกักตัว เช่น ยูเครน, สหรัฐอเมริกา, สวีเดน, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, นอร์เวย์ และฝรั่งเศส พวกนี้ไม่ต้องกักตัวอีก แต่ถ้ากรณีเราจะเข้าไปจีนหรือฮ่องกงเป็นไปไม่ได้ หรือในญี่ปุ่นก็ยังต้องกักตัว

 

ผู้ดำเนินรายการถามว่า กรณีจังหวัดเชียงใหม่เปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวเฉพาะบางอำเภอ เช่น อำเภอเมืองเชียงใหม่ แต่ขณะนี้มีการสั่งปิด 3 ตลาดที่เป็นสัญลักษณ์ของเชียงใหม่ กาดหลวง กาดต้นลำไย กาดดอกไม้ จะสามารถเคลียร์ทันเปิดเมืองวันที่ 1 พฤศจิกายนหรือไม่

 

พิพัฒน์กล่าว่า การจะต้องเปิดเมืองเชียงใหม่ก็มีส่วนควบลักษณะของการเดินทางทางอากาศ ซึ่งถ้ามีปัญหานั้นเราจะแนะนำนักท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์ตั้งแต่ขณะนี้เลย ดูว่าเชียงใหม่เอาอยู่หรือไม่ ถ้าเอาไม่อยู่เราก็จะขอเชิญให้นักท่องเที่ยวเข้าไปจองห้องพักในอำเภอแม่ริม อำเภอแม่แตง และอำเภอดอยเต่าแทน โดยหลีกเลี่ยงในอำเภอเมือง 

 

แต่จริงๆ แล้วเรื่องของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกับคนไทยที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ยกตัวอย่าง เช่น กรณีของจังหวัดภูเก็ต เรามีคนไทยที่ติดโควิดทุกวัน เป็นวันละ 100-200 กว่าคน ถึงขณะนี้เป็นระยะเวลา 2 เดือนเศษ

 

แต่ก็ไม่มีผลปรากฏออกมาว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาใน Phuket Sandbox ได้รับเชื้อโควิดจากคนไทย นี่คือเป็นการแยกกันค่อนข้างชัดเจนว่า นักท่องเที่ยวเขามา เขาก็อยู่ในกลุ่มของเขา เขาไม่ได้มาวุ่นวายสำหรับคนไทย แต่ที่มีการสัมผัสกัน คือผู้ประกอบการและผู้ให้บริการ เช่น พนักงานเสิร์ฟ พนักงานโรงแรม พนักงานต้อนรับในโรงแรม คนเหล่านี้ต้องได้รับวัคซีน 100% ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้นั่นหมายความว่า คุณเป็นส่วนหน้า 100% ต้องได้รับวัคซีน 

 

ส่วนกรณียกเลิกเคอร์ฟิวแต่ยังไม่ให้เปิดเธค ผับ บาร์ คาราโอเกะ จะย้อนแย้งกันหรือไม่ในการจะได้รับรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ  พิพัฒน์กล่าวว่า “ก็มีส่วนย้อนแย้งถ้าหากในกรุงเทพฯ คือเมืองหลัก แต่ถ้าในต่างจังหวัดไม่ว่าจะเชียงใหม่ พัทยา เกาะสมุย ภูเก็ต กระบี่ พังงา ผมเองคงจะต้องนำเข้าหารือใน ศบค. อีกครั้งหนึ่งว่า เฉพาะแหล่งท่องเที่ยวในยามค่ำคืนเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศจะขอว่าเปิดได้หรือไม่ ให้เปิดเลยเที่ยงคืนไป อาจจะสักตี 1 ถึงตี 2 ตามเกณฑ์ในอดีตที่เคยได้รับการปฏิบัติมา

 

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่า การที่เราจะเอาเงินจากกระเป๋าเขา มันก็ต้องทำให้เขารู้สึกว่าสะดวก สบาย และมีความมัน มีความสนุก ซึ่งธรรมดาคนที่มาเที่ยวไม่ว่าใคร แม้แต่เรา

 

ผมจะพยายามนำเสนอ ศบค. ในสัปดาห์หน้าเรื่องการเปิดเธค ผับ บาร์ คาราโอเกะ สำหรับเที่ยวกลางคืน คงจะไปทำความเข้าใจกับทาง ศบค. ว่า ส่วนนี้คือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่ใช่นักท่องเที่ยวหรือเยาวชนไทย ซึ่งผมจะไม่พูดถึงกรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯ เป็นอะไรที่ค่อนข้างควบคุมได้ยาก แต่ต่างจังหวัดจะมีโซนนักท่องเที่ยวซึ่งน่าจะควบคุมง่ายกว่า”

 

พิพัฒน์กล่าวอีกว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน คาดว่าการรับประทานอาหารและดื่มไวน์ในโรงแรมที่พักใน 17 จังหวัดที่เปิดแล้วต้องทำได้ เพราะ ศบค. จะแบ่งสีออกมาเป็นสีสำหรับเมืองท่องเที่ยว ถ้าเป็นบลูโซน สามารถทำได้ ตรงนี้ต้องมีการประกาศแยกออกมา สมมติจังหวัดเชียงใหม่อาจจะประกาศ อำเภอแม่ริม อำเภอแม่แตง อำเภอดอยเต่า หรืออำเภอเมือง เป็นบลูโซน ซึ่งสามารถรับประทานอาหารและดื่มได้ แต่ต้องมีประกาศเพิ่มเติม   

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising