คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน เผยแพร่รายงานผลการศึกษาวิจัยวานนี้ (23 ธันวาคม) พบว่าประชากรผู้ใหญ่ของจีน มากกว่า 50% หรือมากกว่า 500 ล้านคน ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มน้ำหนักเกิน ขณะที่อีก 16.4% อยู่ในกลุ่มที่เป็นโรคอ้วน
ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนนับตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งขณะนั้นจีนมีประชากรผู้ใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มน้ำหนักเกินราว 29% ซึ่งคาดว่าปัจจัยสำคัญ อาจมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตของประชากร ซึ่งส่งผลถึงพฤติกรรมการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารที่ลดลง
รายงานยังชี้ว่า ระดับการออกกำลังกายของชาวจีนนั้นลดลง มีประชากรผู้ใหญ่เพียงไม่ถึง 1 ใน 4 ที่ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งหวัง ตัน นักโภชนาการในเมืองฮาร์บิน ชี้ว่าปัจจุบันประชากรผู้ใหญ่ในจีนออกกำลังกายน้อยลงมาก อีกทั้งยังใช้ชีวิตในการทำงานที่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ
ขณะที่อาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่มีการบริโภคเพิ่มมากขึ้น สวนทางกับผลไม้ที่มีการบริโภคลดลง เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชากรจีนมีน้ำหนักเกินมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม รัฐบาลจีนยังได้ประกาศแผนรับมือภาวะโรคอ้วนที่เพิ่มระดับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมวลร่างกายที่สูงขึ้น ยังเพิ่มความเสี่ยงของประชาชนในการเกิดโรคต่างๆ รวมถึงโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวาน
นอกจากนี้ โรคอ้วนยังเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองในช่วงปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากผลการวิจัยชี้ว่า บุคคลที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนนั้น มีโอกาสสูงกว่าที่จะเกิดอาการป่วยรุนแรงหรือถึงขั้นเสียชีวิตหากติดเชื้อโควิด-19
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
