×

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับบทสัมภาษณ์ที่เขย่าหัวใจแฟนลิเวอร์พูล

21.12.2020
  • LOADING...
Mohamed Salah

HIGHLIGHTS

  • โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ช็อกแฟนลิเวอร์พูลด้วยบทสัมภาษณ์กับ AS สื่อจากสเปน โดยพูดถึงความผิดหวังจากการไม่ได้เป็นกัปตันทีม และโยนเรื่องของอนาคตว่าอยู่ในมือของสโมสร
  • อดีตรุ่นพี่ที่เป็นฮีโร่คนก่อนของชาวอียิปต์อย่าง โมฮาเหม็ด อาบูตริกา เผยว่า ซาลาห์ไม่มีความสุขในทีมลิเวอร์พูล ขณะที่สโมสรเองก็มีแผนที่จะปล่อยตัวออกไปเช่นกัน
  • ไซมอน ฮิวจ์ส ผู้สื่อข่าวชื่อดังของอังกฤษ ประเมินถอดรหัสบทสัมภาษณ์ว่าจุดที่สำคัญ 2 เรื่อง คือ ความผิดหวังที่ไม่ได้เป็นกัปตันทีม และการโยนคำถามในเรื่องของอนาคตกลับไปที่ลิเวอร์พูล

“ผมรู้ว่าซาลาห์ไม่มีความสุขในทีมลิเวอร์พูล เขาบอกผมหลายเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่มีความสุข แต่มันเป็นความลับ และผมก็ไม่สามารถจะพูดมันในที่สาธารณะได้ หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ซาลาห์โกรธก็คือการที่เขาไม่ได้เป็นกัปตันในเกมกับมิดชิลลันด์”

 

คำพูดดังกล่าวออกมาจากปากของ โมฮาเหม็ด อาบูตริกา อดีตดาวเตะทีมชาติอียิปต์ ซึ่งถือเป็นคนที่มีความสนิทสนมกับซูเปอร์สตาร์วัย 28 ปีของทีมลิเวอร์พูลมากที่สุดคนหนึ่ง และการออกมาเปิดเผยครั้งนี้ยิ่งทำให้กระแสข่าวลือเรื่องรอยร้าวระหว่างกองหน้าที่เป็นหนึ่งในนักเตะที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งในทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ กับต้นสังกัด ดูเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น

 

สำหรับกระแสข่าวเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่ลิเวอร์พูลจะลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่สามารถบุกไปเอาชนะคริสตัล พาเลซ ได้ถึงเซลเฮิร์สท์ ปาร์กถึง 7-0 โดย AS สื่อกีฬาระดับแถวหน้าของสเปน ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์พิเศษของซาลาห์ ที่นำไปสู่หลายประเด็นคำถาม

 

ถึงแม้ว่าในบทสัมภาษณ์ดังกล่าวกองหน้าเจ้าของสมญา ‘ฟาโรห์แห่งแอนฟิลด์’ จะไม่ได้พูดว่า เขาไม่มีความสุขกับลิเวอร์พูล และมีความต้องการที่จะทำลายทุกสถิติที่สโมสร แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจมากกว่าคือ การที่ซาลาห์พูดถึงเรื่องที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้ยินจากปากของนักเตะผู้เก็บตัวคนนี้

 

ด้วยการทิ้งปริศนาว่า “อนาคตของผมอยู่ในมือของลิเวอร์พูล”

 

ปริศนาของซาลาห์นั้นอยู่ในคำถามที่ทาง AS ได้พยายาม ‘ชง’ เกี่ยวกับการย้ายไปร่วมสโมสรระดับชั้นนำของสเปนทั้ง 2 สโมสร อย่างเรอัล มาดริด และบาร์เซโลนา

 

คำตอบของซาลาห์คือ

 

“ผมคิดว่ามาดริดและบาร์เซโลนาเป็นสโมสรระดับชั้นนำ… เราไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ตอนนี้ผมทุ่มเทสมาธิกับการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีกครั้งกับสโมสรของผม”

 

ก่อนที่จะโดนยิงคำถามต่อเนื่องว่า เขาจะเล่นกับลิเวอร์พูลอีกนานแค่ไหน ซึ่งซาลาห์ตอบว่า “(หัวเราะ) มันเป็นคำถามที่ตอบได้ยาก แต่ตอนนี้ผมบอกได้ว่าทุกอย่างอยู่ในมือของสโมสร แน่นอนว่าผมอยากทำลายทุกสถิติที่สโมสรแห่งนี้ ผมย้ำว่าทุกสถิติ แต่ทุกอย่างนั้นอยู่ในมือของสโมสร”

 

จากนั้นคือคำถามเรื่องที่ถูกชงอย่างเข้มๆ ราวกับรายการพอดแคสต์ยอดฮิต Executive Espresso ทาง The Secret Sauce เกี่ยวกับเรื่องการที่เขาไม่ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมในเกมกับแชมเปียนส์ลีกนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มกับทีมมิดชิลลันด์ ซึ่งเกมนั้น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาที่เป็นสายเลือดของสโมสร ได้รับปลอกแขนกัปตันทีมไปสวมใส่ในวัย 22 ปี 

 

ซาลาห์ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “บอกตรงๆ ว่าผมผิดหวัง ผมคาดหวังว่าจะได้เป็นกัปตัน… แต่มันเป็นการตัดสินใจของผู้จัดการทีม ดังนั้นผมต้องยอมรับมัน”

 

3 คำถามนี้คือคำถามที่สำคัญที่สุดในบทสัมภาษณ์กับ AS ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ที่น่าประหลาดใจอย่างมาก เพราะปกติแล้วซาลาห์เป็นคนที่เก็บเนื้อเก็บตัวอย่างมาก แทบไม่เคยให้สัมภาษณ์กับใครเลย

 

บทสัมภาษณ์ที่น่าประหลาดใจ

เหตุผลที่ดาวเตะรายนี้มักจะไม่ค่อยให้สัมภาษณ์กับใครนั้น ไซมอน ฮิวจ์ส นักเขียนฟุตบอลชื่อดังจากสำนักข่าวกีฬา The Athletic ซึ่งเป็นนักเขียนที่เชี่ยวชาญในเรื่องของสโมสรลิเวอร์พูล และเป็นผู้แต่งหนังสือชื่อดังหลายเล่ม อาทิ Ring of Fire, Allez Allez Allez และล่าสุด At the End of the Storm: Stories from Liverpool’s Historic Title Win ที่แต่งร่วมกับ เจมส์ เพียร์ซ และ โอลิเวอร์ เคย์ ได้เปิดเผยว่า เป็นเพราะซาลาห์นั้นมาจากประเทศที่มีความเคร่งครัด และทุกคำพูดจากปากของเขานั้นมีความหมาย ไม่สามารถจะพูดจาส่งเดชได้

 

ก่อนหน้านี้ซาลาห์เคยให้สัมภาษณ์พิเศษเฉพาะวาระที่สำคัญจริงๆ เช่น ในการได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยม Football Writers’ Awards เมื่อปี 2018 จากนั้นในปี 2019 ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Time เกี่ยวกับสิทธิสตรี

 

นอกนั้นแทบไม่มีการให้สัมภาษณ์ของเขาเลยแม้แต่น้อย

 

ดังนั้นการที่ซาลาห์ยอมให้ AS สื่อจากสเปน ให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ตัวต่อตัว ถึงขั้นที่เมอร์ซีย์ไซด์ (ซึ่งการสัมภาษณ์เกิดขึ้นหลังจากชัยชนะนัดสำคัญในเกมกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์) ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงที่โรคระบาดยังไม่สิ้นสุด ไปจนถึงการถ่ายภาพในแบบสบายๆ พร้อมถือไมโครโฟนของ AS หน้าต้นคริสต์มาส จึงดูเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอย่างมาก

 

จุดที่ฮิวจ์สประเมินว่า มีความสำคัญมี 2 เรื่อง คือ การแสดงความผิดหวังที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีม และอีกจุดที่อาจจะเป็นที่มาที่ไปของความเคลื่อนไหวในครั้งนี้คือการโยนคำถามในเรื่องของอนาคตกลับไปที่ลิเวอร์พูล

 

“ทุกอย่างอยู่ในมือของพวกเขา”

 

ถ้าคิดถึงนิสัยของซาลาห์ คิดถึงตัวตน การออกมาพูดแบบนี้ย่อมมีความหมาย

 

Mohamed Salah

ซาลาห์ถูกจับเป็นตัวสำรองในเกมล่าสุด ซึ่งมีทั้งการมองว่าเป็นแค่ความต้องการพักผู้เล่นของ เจอร์เกน คล็อปป์ หรือการแสดงความเด็ดขาดของกุนซือชาวเยอรมัน ให้ดาวเตะชาวอียิปต์เห็นว่าใครคือคนคุมสถานการณ์

 

สัญญาณของการจากลา?

หรือนี่คือวิธีการที่ซาลาห์จะใช้เพื่อต่อรองสัญญาฉบับใหม่?

 

เรื่องนี้เป็นประเด็นที่มีการพูดถึงกันอยู่ไม่น้อย เนื่องจากปัจจุบันซาลาห์อายุ 28 ปี และเหลือสัญญากับลิเวอร์พูลอีก 2 ปีครึ่งด้วยกัน โดยได้รับค่าตอบแทนราว 2 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งหากอยู่กันจนครบตามระยะเวลาที่ตกลงกัน เขาจะอายุครบ 31 ปี

 

ระยะเวลาตามสัญญา 2 ปีครึ่งนั้น ความจริงแล้วถือว่าเป็นระยะปลอดภัยที่ทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการเจรจากันแต่อย่างใด โดยเฉพาะต่อฝ่ายของสโมสร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสโมสรที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการอย่างถูกวิธีที่จะไม่พยายามเอาใจนักฟุตบอลจนเกินความจำเป็น

 

แต่เมื่อคิดถึงวัยของซาลาห์กับโอกาสและความเป็นไปได้ในอนาคตแล้ว สัญญาฉบับต่อไปของเขาจะเป็นสัญญาฉบับที่สำคัญที่สุด เพราะจะเป็นสัญญาใหญ่ฉบับสุดท้ายของชีวิต

 

ไม่ใช่แค่ในเรื่องของค่าตอบแทน แต่ยังเป็นเรื่องของโอกาสที่จะได้แสวงหาความท้าทายที่ยังเหลืออยู่ของชีวิตด้วย

 

ตามถ้อยคำของกองหน้าที่ยังรักษาฟอร์มการเล่นร้อนแรงเอาไว้ได้เหมือนเดิมในฤดูกาลนี้ ซึ่งทำไปแล้วถึง 13 ประตู จาก 14 นัดแรก หากซาลาห์ต้องการที่จะรักษาคำพูดด้วยการทำลายทุกสถิติกับลิเวอร์พูลจริง โดยเฉพาะสถิติประตูรวมสูงสุดตลอดกาลเขายังต้องการอีกถึง 236 ประตูด้วยกัน (ปัจจุบันซาลาห์ทำไป 110 ประตู สถิติสูงสุดตลอดกาลเป็นของเอียนรัช 346 ประตู)

 

ไม่ใช่สถิติที่จะทำลายได้ง่ายนัก ถ้าจะว่ากันตามตรง และนั่นอาจต้องใช้เวลายาวนานอีกหลายปีที่ไม่รู้ว่าต่อให้ใช้เวลาทั้งหมดของชีวิตการเล่นที่เหลือแล้วจะทำได้หรือไม่

 

หรือว่านี่คือการเริ่มต้นของแผนการจากลาเพื่อไปหาความท้าทายใหม่ในสเปน?

 

การที่ให้สัมภาษณ์กับ AS โดยเฉพาะการต้องตอบคำถามที่ถูกชงเข้มๆ เกี่ยวกับเรอัล มาดริด และบาร์เซโลนา ย่อมทำให้ง่ายต่อการถูกมองแบบนั้นอยู่แล้ว 

 

สถานการณ์ของทั้งเรอัล มาดริด และบาร์ซา นั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ทั้งสองทีมอยู่ในช่วงตกต่ำอย่างชัดเจน โดยที่ขาดนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ที่จะมาจุดประกายความหวังให้กับทีม 

 

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบาร์ซาที่ยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถเปลี่ยนใจ ลิโอเนล เมสซี ให้อยู่กับสโมสรต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งหากราชาลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ไม่อยู่กับทีมจริงๆ ทางผู้บริหารของสโมสรก็จำเป็นที่จะต้องมองหาคนที่จะเข้ามาแทนที่

 

‘เมสซีแห่งลุ่มน้ำไนล์’ ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นสมญาของซาลาห์ ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดที่มีในโลก

 

สิ่งที่น่าสนใจคือถ้อยคำของอาบูตริกา อดีตดาวเตะวัย 42 ปี ที่ให้สัมภาษณ์ในประเด็นเรื่องนี้ต่อช่อง beIN SPORTS 

 

“ถ้าซาลาห์เป็นผู้เล่นของเรอัล มาดริด หรือบาร์เซโลนา และยังเล่นในระดับเดียวกับที่เขาเล่นได้ในทีมลิเวอร์พูล เขาก็น่าจะได้บัลลงดอร์ไปแล้ว”

 

ก่อนที่อาบูตริกาจะให้ความเห็นแบบฟันธงว่า “ในความคิดของผม ลิเวอร์พูลกำลังพิจารณาที่จะขายซาลาห์ เพื่อเป็นประโยชน์ทางการเงินต่อสโมสร”

 

มุมนี้ หากแฟนลิเวอร์พูลจะมองว่าเป็นการ ‘ปั่น’ หรือการ ‘เกาะกระแส’ ก็เป็นไปได้ แต่หากลองทำตัวเป็นคนคิดมาก สมมติสถานการณ์ว่าซาลาห์กำลังเรียกร้องสัญญาฉบับใหม่จากลิเวอร์พูล แต่คำร้องขอนั้นไม่ได้รับการเหลียวแล เพราะระยะเวลาในสัญญายังเหลือนานมากพอ และเวลานี้อยู่ในช่วงของโรคระบาดที่สโมสรเองก็เจ็บหนักจากวิกฤตการณ์นี้

 

ความไม่พอใจเกิดขึ้น การไม่ได้ปลอกแขนกัปตันทีม การถูกดร็อปเป็นตัวสำรองแบบไม่มีใครคาดคิดในเกมกับพาเลซ (ซึ่งถ้าคิดเยอะก็อาจมองเป็นการแสดงความเด็ดขาดของคล็อปป์ได้) 

 

หากสถานการณ์นำไปสู่จุดที่ไม่อาจย้อนกลับ และมีข้อเสนอที่ดีพอจากบาร์ซา ก็เป็นไปได้ที่ลิเวอร์พูล ซึ่งปัจจุบันมี ดิโอโก โชตา เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก และยังมี ทาคุมิ มินามิโนะ รวมถึง ฮาร์วีย์ เอลเลียต ไอ้หนูมหัศจรรย์ที่กำลังเก็บประสบการณ์กับแบล็กเบิร์น โรเวอร์ส อาจจะยอมขายเพื่อหาเงินเข้าสโมสรจริงตามที่อาบูตริกาบอก

 

อย่างไรก็ดี สำหรับฮิวจ์สเขามองว่า น้ำหนักของแผนการย้ายออกจากทีมอาจจะมีค่าเท่ากับน้ำหนักของความต้องการความมั่นคงจากสโมสร (ซึ่งก็หมายถึงสัญญาใหม่ที่สมน้ำสมเนื้อกับผลงานและความสำคัญ)

 

นักฟุตบอลจำนวนมากที่เคยออกอาการแบบนี้ แต่สุดท้ายเมื่อได้สิ่งที่ต้องการอย่างการต่อสัญญาฉบับใหม่ก็จบเรื่องจบราว (เหมือนเช่น เวย์น รูนีย์ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) เพียงแต่กรณีนี้ต้องติดตามกันอีกยาวนาน

 

และที่สุดแล้วคนที่รู้ใจตัวเองดีที่สุดคือตัวของซาลาห์เอง ว่าภายใต้ผลงานที่ร้อนแรงและรอยยิ้มนั้น

 

เขายังมีความสุขดีอยู่ตรงนี้ หรือหัวใจเริ่มคิดถึงการออกเดินทางแล้ว

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

FYI
  • โมฮาเหม็ด อาบูตริกา เป็นตำนานนักเตะของชาวอียิปต์ ที่เคยได้รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของแอฟริกามาครองเป็นคนแรกในปี 2008 แต่ต้องลี้ภัยไปต่างแดน หลังถูกรัฐบาลอียิปต์ขึ้นบัญชีเป็นผู้ก่อการร้ายเมื่อปี 2017
  • ในบทสัมภาษณ์กับ AS ซาลาห์ยืนยันว่า เขาไม่สนใจเรื่องที่เคยถูก เซร์คิโอ รามอส ทำร้ายในระหว่างเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกแล้ว และยังคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดของโลกด้วย
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising