Moderna บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพและผู้พัฒนายารายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำการพัฒนาวัคซีนรักษาโรคโควิด-19 ประกาศเมื่อวานนี้ (11 มิถุนายน) ว่าทางบริษัทเตรียมเริ่มต้นทดลองทางคลินิก หรือทดลองวัคซีนโควิด-19 ในคนในขั้นสุดท้ายภายในเดือนกรกฎาคมนี้ หลังเสร็จสิ้นการทดลองขั้นที่สองเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
โดย Moderna เป็นผู้พัฒนาวัคซีนรายแรกของสหรัฐฯ ที่เริ่มทดลองใช้วัคซีนโควิด-19 ในคน ซึ่งการทดลองในขั้นสุดท้ายนี้ จะมีประชาชนเข้าร่วมกว่า 30,000 คน ภายใต้ความร่วมมือกับสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) ของสหรัฐฯ
จุดมุ่งหมายของการทดลองวัคซีนในคนดังกล่าว คือการแสดงหลักฐานทางคลินิกที่ชัดเจนว่าวัคซีนของ Moderna สามารถป้องกันประชาชนจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้อย่างแท้จริง และสอง เพื่อป้องกันอาการร้ายแรงจากโรคโควิด-19 และกรณีที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล
ก่อนหน้านี้ทางบริษัทเปิดเผยว่า สามารถเริ่มต้นการทดลองให้วัคซีนแก่บุคลากรทางการแพทย์ในจำนวนที่จำกัดได้อย่างเร็วภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้
นอกจากนี้ยังพบว่า บริษัทเอกชนและกลุ่มวิจัยอีกหลายรายที่เป็นผู้นำในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ก็มีความคืบหน้าในขั้นตอนการพัฒนาและทดลองวัคซีนที่รวดเร็ว โดย Johnson & Johnson ระบุเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะเริ่มการทดลองวัคซีนในคนในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่ AstraZeneca บริษัทผลิตยารายใหญ่ของสหราชอาณาจักรที่ร่วมพัฒนาวัคซีนโควิด-19 กับทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดจะเข้าสู่การทดลองในคนขั้นสุดท้ายภายในเดือนนี้
สำหรับวัคซีนที่ทาง Moderna พัฒนาจะเป็นชนิด mRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการตัดต่อสารพันธุกรรมของไวรัสเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่ได้รับการรับรองให้ใช้ในคน แต่มีข้อดีคือการพัฒนาวัคซีนจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ที่ได้รับวัคซีนน้อยกว่า
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
