เราว่าแต่ละคนมีมุมมองที่แตกต่างกันไปเมื่อพูดถึงแผ่นเสียง จริงอยู่ว่ามันเป็นฟอร์แมตการฟังเพลงที่เกิดขึ้นในยุคหนึ่ง แต่ไม่ว่าเทคโนโลยีจะทำให้รูปแบบในการเก็บเพลงเปลี่ยนหน้าตาไปขนาดไหน ก็ยังมีนักสะสมจำนวนมากที่หลงใหลในเสน่ห์และเอกลักษณ์ของแผ่นเสียงอยู่
หากคุณชอบฟังเพลง สนใจแผ่นเสียง และมองหาบรรยากาศยามค่ำคืนดีๆ เราอยากแนะนำให้คุณรู้จักกับ Modern-Day Culture บาร์แผ่นเสียงจากกลุ่มคนที่อยากผลักดันให้แผ่นเสียงเป็นส่วนหนึ่งของปัจจุบัน
Modern-Day Culture คือบาร์แผ่นเสียงกลางซอยเอกมัยที่เกิดจาก แพน-ชวิกา ศรีสวน และ จอย-ณัฐวุฒิ นิลขำ นักสะสมแผ่นเสียงหรือคุณอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาผ่านทางชื่อ DJ NANZIEE ก็เป็นได้ ซึ่งด้วยความที่จอยสะสมแผ่นเสียงมาร่วมๆ 20 ปี และเป็นดีเจอาชีพที่เปิดเพลงด้วยแผ่นเสียงอย่างเดียวมาตลอด ทั้งสองเลยเกิดความคิดที่อยากทำบาร์แผ่นเสียงจริงๆ ขึ้นมา
“คำว่า ‘Modern-Day Culture’ เป็นชื่อที่เราได้มาโดยบังเอิญ มันเกิดจากมุมมองที่เรามีต่อแผ่นเสียงว่า หลายคนอาจจะเคยเห็นพ่อแม่ ผู้ใหญ่เก็บแผ่นเสียงแล้วมองว่ามันเป็นฟอร์แมตของยุคเก่า แต่จริงๆ แล้วทุกวันนี้มันมีเหตุผลมากมายที่ทำให้คนๆ หนึ่งเลือกเก็บแผ่น เราอยากทำให้คนทั่วไปมองว่าแผ่นเสียงไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือเข้าถึงยาก มันมีเสน่ห์ของมัน และเราอยากผลักดันให้มันเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการฟังเพลงปัจจุบัน” แพนเริ่มเล่า
เธอเล่าต่อว่าแรงบันดาลใจในนิยามของคำว่าบาร์แผ่นเสียงนั้นเกิดขึ้นจากตอนที่เธอไปต่างประเทศแล้วเจอกับบาร์ที่โฮสโดยคนๆ เดียวที่เปิดเพลงจากแผ่นเสียงได้ดี ทำเครื่องดื่มเอง และดูแลลูกค้าได้ด้วย ซึ่งอะไรแบบนี้จะสมบูรณ์ได้เมื่อคนที่เป็นนักสะสมมาเปิดร้านเอง
นั่นทำให้เมื่อคุณเดินเข้ามาในร้าน คุณจะเจอกับชั้นวางแผ่นเสียงขนาดใหญ่ และเคาน์เตอร์ยาวที่จัดวางเครื่องเล่นแผ่นเสียงอยู่ในระนาบเดียวกันกับพื้นที่ในการเตรียมเครื่องดื่ม ด้วยความตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นเรื่องเดียวกัน ให้ความรู้สึกแตกต่างจากเวลาไปบาร์ที่มีบูธดีเจแยกอยู่ทางด้านหลังและเปิดเพลงคลอเท่านั้น เรียกว่าหากคุณชอบนั่งหน้าบาร์และพูดคุยกับบาร์เทนเดอร์ คนที่มาฟังเพลงที่นี่ก็สามารถพูดคุยเรื่องเพลงกับดีเจได้เลยโดยไม่ต้องแอบ Shazam อยู่คนเดียวเหงาๆ
จากจุดเริ่มต้นเรื่องดนตรี เธอเล่าต่อว่าเครื่องดื่มที่ดีก็สำคัญไม่แพ้กัน จึงได้ ต่วย-ธีฆา พุ่มภัคดี มาดูแลเรื่องเครื่องดื่มของทางร้านให้ เมนูของที่นี่ยืนพื้นด้วยซิกเนเจอร์ คลาสสิกค็อกเทล และเนเชอรัลไวน์ หรือใครลองครบทุกแก้วจะลองสั่งตามใจบาร์เทนเดอร์เป็น Bartender’s Choice ก็ได้นะ (ค็อกเทลราคา 350-380 บาท)
ต่วยหยิบเอาคำว่า Modern-Day Culture มาตีความต่อผ่านเครื่องดื่ม เขามองว่าสำหรับค็อกเทลเองก็เช่นกัน ที่จริงๆ จุดกำเนิดของมันคือการเป็นยา รวมถึงเหล้าสมุนไพรบางอย่างที่ปัจจุบันใช้เป็นส่วนผสมของค็อกเทลที่เราคุ้นชื่อกันนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เกิดมาเพื่อกินเป็นยาทั้งสิ้น เรื่องราวเหล่านี้จึงถูกเล่าในมุมมองปัจจุบันผ่านการทำ Homemade Ingredients ต่างๆ ที่มีส่วนผสมเป็นสมุนไพร หรือหยิบเอายาไทยคลาสสิกมาเป็นส่วนผสมก็มี
ถ้าอิตาลีมี Fernet เหล้าสมุนไพรที่นิยมเสิร์ฟหลังอาหารเพื่อช่วยย่อย บ้านเราก็มียาธาตุที่คล้ายกัน แก้วแรก #1 ต่วยเลือกใช้ยาธาตุนำไปอินฟิวส์กับขิงและส่วนผสมอื่น มิกซ์เข้ากับจินและเบอร์เบิน ตกแต่งด้วยเปลือกส้ม
#2 แก้วที่สองทางร้านทำเวอร์มุธขึ้นเองจากเก๊กฮวยและสมุนไพรต่างๆ ที่มีสรรพคุณเป็นยา ก่อนนำมาผสมกับคัมปารี ลิเคียวแอปเปิ้ลเขียว และท็อปด้วยไวน์แดง ส่วนแก้วถัดมา #3 เป็นน้ำส้มสายชูชาเอิร์ลเกรย์ให้ความเปรี้ยวทุ้มๆ ผสมกับรัม และเฮเซลนัทลิเคียว
ด้วยความเป็นกันเองของบาร์มันทำให้เธอก็ได้เรียนรู้จากลูกค้าทุกวัน จากเดิมที่ไม่เคยคิดว่าจะมีอาหาร แต่หลังเปิดร้านได้ยังไม่ถึงเดือนดี ฟีดแบ็กจากลูกค้าก็ทำให้ตัดสินใจเพิ่มเมนูอาหารง่ายๆ อย่าง Cold Cut (350 บาท) ให้ลูกค้าแกล้มเครื่องดื่ม หรือใครไม่อยากแวะกินอาหารก่อนมา ทางร้านก็เตรียมมื้ออิ่มไว้เป็นเมนู บะหมี่เป็ดรมควัน (220 บาท) หรือ ข้าวหน้าหมูไข่แดงดอง (200 บาท) โดยได้ เฟย-พสธร กิติประเสริฐ มาดูแลเรื่องอาหารให้
นอกจากองค์ประกอบต่างๆ ของร้าน หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบแผ่นเสียงอยู่แล้ว ที่นี่ก็ยังเป็นคอมมูนิตี้ย่อมๆ ที่คุณสามารถเลือกซื้อแผ่นเสียงทั้งแบบ 12 นิ้ว และ 7 นิ้วได้ด้วย รวมถึงบางวันก็จะมีดีเจรับเชิญหรือนักสะสมแผ่นเสียงคนอื่นพกคอลเล็กชันของตัวเองมาแลกเปลี่ยนเพลงกันฟังเช่นกัน ซึ่งเรื่องตารางเล่นหรือกิจกรรมพิเศษสามารถอัปเดตผ่านเฟซบุ๊ก หรือ IG ของร้านได้เลย
Modern-Day Culture
Open: เปิดให้บริการวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 18.00-23.00 น.
Address: ชั้น 4 ฝั่งตรงข้ามตึก BBC เอกมัย
Budget: ค็อกเทลเริ่มต้น 350 บาท
Contact: 06 2362 6362
Web: https://www.facebook.com/Themoderndayculture
Map: