×

ครูที่มี ‘พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ’ ไม่มีอยู่จริง รื้อความเข้าใจผิดในความหลากหลายทางเพศสู่ทางออกที่สวยงามกว่าในสังคมไทย

03.07.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • จากเหตุครูชายในโรงเรียนประจำจังหวัดถูกกล่าวหาว่าทำอนาจารนักเรียนชายชั้น ม.4 จนกลายเป็นข่าวใหญ่ ล่าสุดรองศึกษาธิการจังหวัดสั่งการเฝ้าระวังครูที่มี ‘พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ’ 400 กว่าโรงเรียน
  • ขณะที่ตำราสุขศึกษาเวอร์ชันปรับปรุงใหม่ให้งดใช้คำว่า ‘เบี่ยงเบนทางเพศ’ และปรับเปลี่ยนเนื้อหาที่สร้างความเหลื่อมล้ำทางเพศ การกีดกันทางเพศ การตีตรา และความอยุติธรรมทั้งระหว่างเพศหญิง เพศชาย และกลุ่มหลากหลายทางเพศอย่างเบ็ดเสร็จ
  • กลายเป็นความย้อนแย้งที่น่าตั้งคำถามว่าการรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นทางออกที่ถูกต้องจริงหรือไม่ 

เหตุเกิดที่จังหวัดเลย

 

ครูชายคนหนึ่งในโรงเรียนประจำจังหวัดที่มีชื่อเสียง ถูกกล่าวหาว่าทำอนาจารนักเรียนชายชั้น ม.4 และกลายเป็นข่าวใหญ่มาตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ จนรองศึกษาธิการจังหวัดเลย ชาติชาย วงศ์กิตตะ รักษาราชการแทนศึกษาธิการจังหวัดเลย ออกคำสั่งทันทีให้ 400 กว่าโรงเรียน ‘เฝ้าระวัง’ ครูที่มี ‘พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ’

 

ชาติชายอ้างว่าอาจจะมีกรณีคล้ายๆ กันนี้อีก จึงขอออกคำสั่งดังกล่าวทันที และยังบอกผู้สื่อข่าวอีกด้วยว่า

 

“ต้องตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต”

 

เหตุเกิดที่ กทม.

 

เมื่อเร็วๆ นี้กระทรวงศึกษาธิการเพิ่งจะเปิดตัวตำราสุขศึกษาเวอร์ชันใหม่ 2562 ที่จะนำมาใช้ทั่วประเทศเป็นเทอมแรกในปีการศึกษานี้เรียบร้อยแล้ว โดยปรับเปลี่ยนเนื้อหาที่สร้างความเหลื่อมล้ำทางเพศ การกีดกันทางเพศ การตีตรา และความอยุติธรรมทั้งมวลทั้งระหว่างเพศหญิง เพศชาย และกลุ่มหลากหลายทางเพศอย่างเบ็ดเสร็จ

 

เนื้อหาเก่าที่เอาออกไปถูกใช้อยู่ประมาณ 10 ปี จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเพศศึกษาของประเทศนี้จึงล้าหลังนัก

 

ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังหมายรวมไปถึงคำว่า ‘เบี่ยงเบนทางเพศ’ ที่ให้งดใช้ เพราะเป็นความเข้าใจผิดมาโดยตลอด ซึ่งในความเป็นจริงกลุ่มคนหลากหลายทางเพศที่รวมเกย์ กะเทย ทอม ดี้ เลสเบี้ยน คนรักสองเพศ หรือคนไม่ฝักฝ่ายเพศใด ‘ไม่ได้เกี่ยวกับการเบี่ยงเบนใดๆ’

 

…แสดงว่าท่านยังไม่ได้รับรู้เรื่องนี้

 

และการที่ท่านยังไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ แสดงว่าครูอาจารย์ในสังกัดของท่านก็น่าจะยังไม่รู้เรื่องนี้

 

ผู้เขียนเดาว่าเรื่องการปรับปรุงเนื้อหาในตำราสุขศึกษาอาจจะยังไม่ถึงมือท่าน ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติครั้งสำคัญในแวดวงการศึกษา เพราะครูทั้งประเทศจะได้รับข้อมูลใหม่ไปสอนศิษย์

 

ในฐานะผู้บริหาร การที่ท่านออกคำสั่งออกไปแสดงว่าท่านไม่ได้นิ่งดูดายเพื่อบริหารสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

 

แต่การที่ท่านออกคำสั่งให้ ‘ตรวจสอบ’ และเรียกกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายว่าเป็นผู้ ‘เบี่ยงเบนทางเพศ’ สะท้อนให้เห็นว่าองค์ความรู้ใหม่ไม่ได้วิ่งไปหาท่านเลย และท่านไม่ได้เข้าใจเรื่องนี้ แต่ตัดสินใจทำลงไปจากข้อมูลเก่าของท่านเองว่าคนกลุ่มนี้เป็นพวก ‘เบี่ยงเบนทางเพศ’

 

ในฐานะที่ท่านรักษาการในตำแหน่งสูงสุดของหน่วยงานการศึกษาประจำจังหวัด ท่านควรคิดถึงแม่พิมพ์ของชาติจำนวนเท่าไรไม่รู้ที่เป็นกลุ่มหลากหลายทางเพศ… และกำลังขะมักเขม้นสอนลูกศิษย์

 

ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำองค์กร ท่านควรวิเคราะห์และแยกแยะว่าการกระทำอนาจารใดๆ (ถ้ามี) และการเอารัดเอาเปรียบโดยใช้หน้าที่ความเป็นครู (ถ้ามี) เกิดขึ้นได้จากผู้ชาย เกิดขึ้นได้จากผู้หญิง เกิดขึ้นได้จากกะเทย เกิดขึ้นได้จากเกย์ จากทอม จากดี้ จากใครก็ได้ที่คิดว่าอยากจะเอาเปรียบอีกฝ่าย

 

ทางออกที่สวยกว่า

 

ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บริหาร ท่านควรถือโอกาสนี้ออกคำสั่งให้ทุกๆ โรงเรียนกำชับเรื่องจรรยาบรรณและจริยธรรมของครูในสังกัดทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเพศใด เพราะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศย่อมเกิดขึ้นได้กับทุกเพศที่ประกอบอาชีพใดๆ ไม่เพียงแต่อาชีพ ‘ครู’

 

การที่ท่านออกคำสั่งแบบนั้นถือว่าท่านกำลังทำลายขวัญและกำลังใจของครูที่อยู่ในกลุ่มความหลากหลายทางเพศในจังหวัดของท่าน และท่านอาจจะต้องมาชี้แจงกับคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) หากมีผู้ร้องเรียน

 

ปัจจุบันนี้ประเทศไทยกำลังถูก ‘จับตา’ เรื่องความก้าวหน้าของสิทธิมนุษยชน ธนาคารโลกถึงกับลงทุนศึกษาเรื่องการเลือกปฏิบัติในสถานที่ทำงานตั้งแต่ปีที่แล้ว

 

ถ้าท่านรองศึกษาธิการจังหวัดเลยจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ท่านควรมุ่งพัฒนาบุคลากรของจังหวัด ปรับความเข้าใจเรื่องความแตกต่างหลากหลายทางเพศ และทำให้จังหวัดเลยของท่านเป็นแม่แบบของจังหวัดอื่นๆ ที่มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X