กระทรวงการคลังเผยประมาณการ GDP ‘ไทย’ ปี 2565 ขยายตัว 3.0% ต่ำกว่าคาดการณ์ก่อนหน้านี้ แต่คงคาดการณ์ GDP ปี 2566 ไว้ที่ 3.8% ปัจจัยหลักมาจากส่งออกเสี่ยงไม่โต การบริโภคทรุด การลงทุนภาคเอกชนและรัฐลด บดบังการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยว
วันนี้ (27 มกราคม) พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.0% เนื่องจากการผ่อนปรนมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศของประเทศต่างๆ ประกอบกับสถานการณ์การระบาดภายในประเทศที่ปรับดีขึ้น ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและภายในประเทศสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 6.9% และการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 4.2%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ความท้าทาย ‘ เศรษฐกิจไทย ปี 2566 ’ กับการปรับตัวของภาคธุรกิจ
- ฉวยจังหวะค่าเงินอ่อน ส่องโอกาสลงทุนหุ้นโลก สร้างพอร์ตเติบโตระยะยาว
- ‘ส่วนต่างรายได้’ กับนโยบายรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ
สำหรับในปี 2566 กระทรวงการคลังคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.8% เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียที่จะเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
โดยคาดว่าในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะอยู่ที่ 27.5 ล้านคน ขยายตัวที่ 147% ต่อปี ส่งผลให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มสูงขึ้น
ส่งออกเสี่ยงไม่โต
ขณะที่ปริมาณการส่งออกสินค้าจะชะลอลงตามการชะลอลงของอุปสงค์ประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยคาดว่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐจะขยายตัวที่ 0.4%
“จากสถานการณ์ปัจจุบัน เราคาดว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 0.4% ในปีนี้ แต่มีความเป็นไปได้ว่าการส่งออกจะติดลบ โดยหากส่งออกติดลบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็เป็นไปได้ว่าจะทำให้ประมาณการ GDP ทั้งปีนี้ลดลงอีกจากที่คาดการณ์ไว้ได้ จึงต้องติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า” พรชัยกล่าว
ส่วนในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 2.8% หรือเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% เนื่องจากราคาพลังงานโลกที่ลดลง สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเกินดุล 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 0.5% ของ GDP
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด มีทั้งปัจจัยสนับสนุน อาทิ ภาคการท่องเที่ยวที่มีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้มากกว่าที่คาดการณ์ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ตามแนวทางการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางของรัฐบาลจีน และปัจจัยเสี่ยง เช่น 1. ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป 2. ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงระหว่างประเทศและปัจจัยการผลิตต่างๆ และ 3. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนภายใต้สถานการณ์การระบาดใหญ่
