Millennials และ Gen Z กำลังสำคัญของตลาดนาฬิกาหรูมือสอง

หลังจากราคานาฬิกาหรูมือสองพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในปี 2021 และ 2022 อย่างที่ทราบกันว่าตอนนี้ราคาเริ่มปรับตัวลดลงจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และการล่มสลายของสกุลเงินดิจิทัล ทำให้ดัชนีตลาดนาฬิกาหรูลดลง 24% จากข้อมูลของ WatchCharts ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา

แม้ราคานาฬิกาหรูในตลาดมือสองปรับตัวลดลงเกือบ 1 ใน 3 จากราคาสูงสุดของตลาดเมื่อไตรมาสแรกของปี 2022 แต่รายงานล่าสุดจากการสำรวจของ Boston Consulting Group Inc. ร่วมกับ WatchBox ก็ยังมองว่า ราคานาฬิกาหรูในตลาดมือสองยังคงแข็งค่าขึ้นจากคนรุ่น Millennials และ Gen Z หันมาลงทุนในนาฬิกามือสองมากขึ้น

ราคานาฬิกา Rolex, Patek Philippe และ Audemars Piguet แข็งค่าขึ้นโดยเฉลี่ย 20% ต่อปีนับตั้งแต่กลางปี 2018 แซงหน้าดัชนี S&P 500 ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 8% ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2018 – มกราคม 2023 แม้ว่าราคาของบางรุ่น เช่น Rolex Daytona, Patek Philippe Nautilus และ Audemars Piguet Royal Oak จะลดลงมากถึง 1 ใน 3 จากราคาสูงสุดก็ตาม นอกจากนี้นาฬิกาจากผู้ผลิตอิสระอย่าง F.P.Journe, H. Moser & Cie และ De Bethune ราคาแข็งค่าขึ้นราวๆ 15% ในช่วงเวลาเดียวกัน

เหตุผลที่ทำให้ราคานาฬิกาหรูเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคนในรุ่น Millennials และ Gen Z มีเงินสะพัดและติดอยู่ที่บ้านในช่วงโควิด จึงหันมาสะสมนาฬิกาสวิส สอดคล้องกับงานวิจัยของ Deloitte Research ที่ว่าผู้ซื้อในกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะซื้อนาฬิกามือสอง เพราะมองหาราคาที่ถูกกว่า ตามรายงานคนรุ่น Millennials เกือบครึ่งกล่าวว่า มีแนวโน้มจะซื้อนาฬิกามือสองในปีนี้ เทียบกับกลุ่ม Baby Boomer ที่มีเพียง 12% เท่านั้น โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ขณะที่นักสะสมผู้หญิงและวัยรุ่นก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในปี 2022 ตลาดนาฬิกาค้าปลีกหลักมีมูลค่า 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ตลาดนาฬิกาหรูมือสองเติบโตเป็นมูลค่า 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเติบโต 9% ต่อปี เป็น 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 ตามการคาดการณ์ของ Boston Consulting Group Inc. ส่วน LuxeConsult นักวิเคราะห์และบริษัทที่ปรึกษาของสวิส คาดการณ์ว่ายอดขายนาฬิกาหรูมือสองจะแซงหน้าตลาดหลักภายในปี 2033 โดยมียอดขายสูงถึง 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์

อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาของนาฬิกาหรูในตลาดมือสองเพิ่มสูงขึ้นมาจากจำนวนการผลิตที่ไม่เพียงพอกับความต้องการในปัจจุบัน โดยเฉพาะแบรนด์ยอดฮิตอย่าง Rolex ที่อาจต้องใช้เวลารอนานข้ามปี ทำให้ราคาในตลาดรองสูงขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นยอดนิยมอย่าง Daytona มีราคาซื้อ-ขายสูงกว่าการขายปลีกเสียอีก ข่าวดีก็คือ เร็วๆ นี้ Rolex จะสร้างโรงงานผลิตชั่วคราว 3 แห่ง ซึ่งจะะเริ่มผลิตนาฬิกาหรูในปี 2025

ตามการประเมินการของ Morgan Stanley นั้น Rolex ผลิตนาฬิกาประมาณ 1 ล้านเรือนต่อปี สร้างยอดขายได้ประมาณ 8.7 พันล้านดอลลาร์