×

เมื่อลิเวอร์พูลอาจสูญเสีย ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ขุนศึกนอกสนามคนสำคัญ

30.08.2021
  • LOADING...
Mike Edwards

หากชื่อของ เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน เป็นชื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุดแล้ว ชื่อของ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ในฐานะผู้บริหารคนสำคัญของสโมสร และเป็นที่เลื่องลือในเรื่องของความสามารถในการเจรจาระดับสุดยอด ก็นับเป็นอีกหนึ่งคนที่แฟนบอลชื่นชอบเช่นกัน

 

พูดเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ หากคล็อปป์คือพระอาทิตย์ เอ็ดเวิร์ดส์ก็คือพระจันทร์ ต่างฝ่ายต่างมีบทบาทหน้าที่ของตัวเองที่สำคัญต่อสโมสรอย่างยิ่ง

 

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เอ็ดเวิร์ดส์เป็นบุคคลที่สำคัญอย่างยิ่งต่อลิเวอร์พูล ในฐานะขุนศึกเอกที่เจ้าของสโมสรกลุ่ม Fenway Sports Group หรือ ‘FSG’ ไว้วางใจมากที่สุดในเรื่องนอกสนาม ในงานจัดซื้อจัดจ้าง เฟ้นหานักฟุตบอลที่มีความเหมาะสมกับแนวทาง Moneyball ของสโมสร

 

โดยขุนศึกเงารายนี้ถูก ดาเนียล โคมอลลี อดีตประธานบริหารของสโมสร ดึงตัวมาจากท็อตแนม ฮอตสเปอร์ตั้งแต่ปี 2011 โดยเริ่มจากบทบาทในการเป็นหัวหน้าแผนกทีมวิเคราะห์ ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วแม้จะไม่ใช่ของใหม่มากสำหรับวงการฟุตบอล แต่ก็ไม่ใช่ผู้จัดการทีมทุกคนจะรู้และเข้าใจในเรื่องนี้

 

แต่เอ็ดเวิร์ดส์ใช้ความพยายามทำผลงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า Data หรือข้อมูลนั้นสามารถนำความสำเร็จมาสู่สโมสรได้ ซึ่งแม้จะใช้ระยะเวลาหลายปีก็ตาม แต่ความพยายามนั้นเริ่มผลิดอกออกผล โดยเห็นได้จากแนวทางในการซื้อผู้เล่นเข้ามาเสริมทัพของสโมสรโดยใช้ข้อมูลเป็นตัววิเคราะห์ของเขานั้นได้ผล

 

จากเป็นแค่เสียงหนึ่งใน Transfer Committee อันโด่งดังในทางไม่สู้ดีนักในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในเวลาต่อมาเสียงของเอ็ดเวิร์ดส์ที่ปรับเปลี่ยนชื่อตำแหน่งจาก Director of Performance มาเป็น Technical Director และ Sporting Director ในปี 2016 คือเสียงที่ทุกคนต้องฟัง

 

3 ประสานในแดนหน้าคือผลงานชั้นยอดของเขาในการทำให้ลิเวอร์พูลเลือกซื้อ โรแบร์โต เฟียร์มิโน, ซาดิโอ มาเน และ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ต่อด้วยนักเตะอย่าง ฟาบินโญ, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ อลิสสัน เบ็คเกอร์ ที่กลายเป็นกระดูกสันหลังของทีมจนถึงปัจจุบัน

 

ไม่นับการเลือกนักเตะที่น่าเหลือเชื่ออย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จากแบ็กซ้ายเกรด 2 ของทีมที่เพิ่งตกชั้น วันนี้กลายเป็นกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ และกลายเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก

 

แต่ที่ทำให้เขาได้รับการแซ่ซ้องมากที่สุดไม่ใช่แค่เรื่องของการซื้อนักฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังมีการ ‘ปิดดีล’ ขายนักฟุตบอลของทีมออกไปในแบบที่ได้ประโยชน์สูงสุด ชนิดที่แทบไม่มีคำว่าขาดทุน

 

ผลงานระดับมาสเตอร์พีซคือการขาย ฟิลิปป์ คูตินโญ เพลย์เมกเกอร์อันดับ 1 ของทีม ให้กับบาร์เซโลนาในปี 2018 ได้ด้วยราคามหาศาลถึง 142 ล้านปอนด์ พร้อมกับเงื่อนไขทีเด็ดในการห้ามมาข้องเกี่ยวกับนักเตะลิเวอร์พูลอีกจนถึงปี 2021 หากผิดจากนี้จะต้องจ่ายเงินค่าตัวเพิ่มอีก 80 ล้านปอนด์ (สมมตินักเตะค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ก็จะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 80 ล้านปอนด์)

 

ที่ต้องมีเงื่อนไขนี้ เนื่องจากบาร์เซโลนามาคว้าตัวซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของลิเวอร์พูลเป็นคนที่ 2 แล้วต่อจาก หลุยส์ ซัวเรซ ในปี 2014 และหากย้อนไปไกลกว่านั้นยังมี ฮาเวียร์ มาสเคราโน กองกลางตัวรับที่ดีที่สุดของโลกในยุคนั้นด้วย

 

ก่อนจะนำเงิน 142 ล้านปอนด์ไปแปลงเป็นค่าตัวของ ฟาน ไดจ์ค และอลิสสัน ที่ทำให้ลิเวอร์พูลก้าวไปสู่การเป็นแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกและแชมป์พรีเมียร์ลีกในเวลาต่อมา

 

ยังมีอีกหลายดีลที่เหลือเชื่อ เช่น การขาย โดมินิก โซลันกี กองหน้าตัวสำรองให้กับบอร์นมัธได้ในราคา 25 ล้านปอนด์ รวมถึง แดนนี อิงส์ ที่ขายให้กับเซาแธมป์ตัน, มามาดู ซาโก นักเตะเจ้าปัญหาที่มีข่าวฉาวคดีโด๊ปยา ก็ถูกปล่อยตัวให้คริสตัล พาเลซได้ในราคาที่ดีมาก

 

เรียกได้ว่าเอ็ดเวิร์ดส์ช่วยให้ลิเวอร์พูลเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งๆ ที่ในอดีตเป็นสโมสรที่ซื้อแพงและขายขาดทุนเสมอ

 

อย่างไรก็ดี จากสัญญาของเขากับสโมสรที่กำลังจะหมดลงในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ The Athletic รายงานว่านี่อาจเป็นการทำงานในแอนฟิลด์เป็นปีสุดท้าย โดยที่ฝ่ายลิเวอร์พูลเองก็รับทราบมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วว่าเอ็ดเวิร์ดส์จะไม่ต่อสัญญากับสโมสรอีก แม้จะมีรายงานข่าวจาก Liverpool Echo ว่ายังมีความพยายามที่จะรั้งตัวไว้ก็ตาม

 

หากลิเวอร์พูลต้องเสียเอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งยังมีส่วนในการผลักดันระบบวิเคราะห์ของสโมสร โดยหนึ่งในการวิเคราะห์ที่สำคัญที่สุดคือการให้ทีมงานอย่าง เอียน เกรแฮม วิเคราะห์ เจอร์เกน คล็อปป์ ว่ามีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ต่อจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส หรือไม่ ก็นับว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง

 

ถึงแม้เอ็ดเวิร์ดส์จะมี จูเลียน วอร์ด ซึ่งขึ้นมารับตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค หรือเป็นมือขวาของเอ็ดเวิร์ดส์มาตั้งแต่เดือนธันวาคม และมีการทำงานร่วมกับคล็อปป์และแผนกจัดหาผู้เล่นอย่างใกล้ชิด และคาดว่าจะขึ้นมารับตำแหน่งแทน

 

แต่ด้วยผลงานตลอด 10 ปีที่ผ่านมาของสุดยอดนักวิเคราะห์และเจรจาคนนี้ การทดแทนเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย

 

เพราะไม่ใช่ผู้อำนวยการสโมสรทุกคนที่แฟนบอลจะรู้จักและรักมากขนาดนี้

           

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising