×

เมอร์เซเดสกับความน่าผิดหวัง หลังผ่าน 2 สนามแรกในศึก F1 2023

20.03.2023
  • LOADING...

“เราต้องลุ้นให้เรดบูลล์แข่งไม่จบ รวมไปถึงเฟอร์รารี และบางทีตอนนี้อาจต้องรวมถึงแอสตัน มาร์ตินด้วย หากเราจะได้รับชัยชนะในตอนนี้

 

“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราตามพวกเขาไม่ทัน สิ่งที่เราต้องทำคือพยายามต่อสู้ ไม่มีใครในการแข่งขันนี้หนีจากความท้าทายได้

 

“อาจจะจริงว่าเราอยากจะอยู่แถวหน้าพวกเขา อยากจะนำในการแข่งขัน รวมไปถึงอยากจะชนะมากกว่า แต่ในความเป็นจริงตอนนี้ต้องยอมรับว่ามันยาก และเราจำเป็นต้องรับมือกับความท้าทาย เพราะมันไม่ใช่งานที่ง่ายเลย”

 

 

นั่นเป็นคำให้สัมภาษณ์ของ ลูอิส แฮมิลตัน ก่อนการแข่งขันในศึกซาอุดีอาระเบียนกรังด์ปรีซ์ ซึ่งเมื่อผลการแข่งขันจบลง ก็เป็นอย่างที่ ‘ท่านเซอร์’ ได้กล่าว หลังจากที่เมอร์เซเดสทำได้แค่จบในอันดับ 4 และ 5 จาก จอร์จ รัสเซลล์ และแฮมิลตัน ตามลำดับ

 

อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เมอร์เซเดสพลาดการขึ้นโพเดียมในสนามนี้ หลังในตอนแรกสหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (FIA) ตัดสินว่า เฟร์นานโด อลอนโซ นักขับจอมเก๋าชาวสแปนิชจากแอสตัน มาร์ติน ใช้โทษปรับ 5 วินาทีในสนามไม่ครบตามกฎ ทำให้โดนโทษปรับ 10 วินาที

 

แต่ต่อมาทางแอสตัน มาร์ติน ได้ยื่นข้อโต้แย้งไปยัง FIA และเป็นผลทำให้อลอนโซได้กลับไปสู่โพเดียมอีกครั้งในอันดับที่ 3 และเป็นการขึ้นโพเดียมครั้งที่ 100 ของนักขับชาวสเปนวัย 41 ปีรายนี้

 

ส่วนอันดับ 1 ตกเป็นของ ‘เชโก’ เซร์คิโอ เปเรซ ที่ออกสตาร์ทในตำแหน่งโพล ส่วนอันดับที่ 2 เป็นของนักขับเจ้าของรางวัล Driver of the Day อย่าง แม็กซ์ แวร์สเตปเพน ที่โชว์ฟอร์มเทพด้วยการออกสตาร์ทจากอันดับ 15 ก่อนมาจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์

 

ซึ่งทั้งสองอันดับแรกนับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของทีมเรดบูลล์ และเป็นการขึ้นไปยืนใน 2 อันดับแรกของโพเดียมเป็นสนามที่สองติดต่อกัน (แม้จะสลับคนยืนก็ตาม) ของทีมจากออสเตรียทีมนี้ด้วย

 

หลังจบการแข่งขันที่เจดดาห์คอร์นิชเซอร์กิตในซาอุดีอาระเบีย มีการพูดถึงความสุดยอดของทั้งทีมเรดบูลล์ รวมไปถึงความยอดเยี่ยมของ ‘น้าโซ่’ แต่อีกหนึ่งกระแสด้านลบก็ถาโถมเข้ามาหาทีม ‘ซิลเวอร์แอร์โรว์’ ที่ทำผลงานน่าผิดหวังเป็นสนามที่สองติดต่อกันเช่นกัน

 

ดังนั้นคำถามที่น่าสนใจคือ ‘เกิดอะไรขึ้นกับเมอร์เซเดส?’

 

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมเมอร์เซเดสมีปัญหาอย่างมากในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ เพราะเมื่อตัดภาพกลับไปที่บาห์เรนกรังด์ปรีซ์ในสนามแรกที่บาห์เรนอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต ลูอิส แฮมิลตัน ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของทีม จบอันดับ 5 ของเรซนั้น โดยตามหลัง แม็กซ์ แวร์สเตปเพน แชมป์จากเรดบูลล์ถึง 50.977 วินาที

 

ขณะที่ในสนามนี้ จอร์จ รัสเซลล์ ที่จบอันดับ 4 ก็ตามหลังเชโก แชมป์ในสนามที่สองถึง 25.866 วินาที แม้ดูในภาพรวมแล้วเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในกีฬาที่แข่งขันกันด้วยความเร็วระดับ ‘ที่สุดในโลก’ อย่าง F1 ระยะเวลาเกือบครึ่งนาทีนี้ยังถือว่า ‘ห่างไกล’ เกินไป

 

ช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ทีมเมอร์เซเดสมีเสียงวิจารณ์ในเชิงบวกมากมายจากบรรดาสื่อและนักวิคราะห์ที่เข้าไปทำข่าว และแม้ทางด้านบรรยากาศในทีมก็ดูเป็นบวก หลังจากปลายฤดูกาลก่อนพวกเขาทำผลงานได้ดีขึ้นตามลำดับ

 

โดยเฉพาะหลังจากที่ จอร์จ รัสเซลล์ คว้าแชมป์ได้ในบราซิเลียนกรังด์ปรีซ์ และ ลูอิส แฮมิลตัน ได้รองแชมป์ในสนามเดียวกัน ก็ดูเหมือนนั่นจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าพวกเขาเริ่มปรับปรุงรถได้ถูกทาง

 

การสร้างรถ W14 ที่ใช้ในฤดูกาลนี้แทนรถ W13 ที่ใช้ในฤดูกาลก่อนในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังในการที่จะทำให้ทีมซิลเวอร์แอร์โรว์กลับมาไล่ล่าแชมป์ได้อีกครั้งในฤดูกาลนี้

 

แต่หลังจากผลการทดสอบที่น่าผิดหวังในช่วงพรีซีซันเทสต์ หนึ่งสัปดาห์ก่อนการแข่งขันที่บาห์เรน ต่อด้วยผลงานการจบอันดับ 5 แบบตามหลังแชมป์กว่า 50 วินาที จึงทำให้บรรยากาศภายในทีมดังจากอังกฤษเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ โตโต วูล์ฟฟ์ บิ๊กบอสของทีม ถึงกับกล่าวว่า “เป็นหนึ่งในวันที่เลวร้ายที่สุดในการแข่ง”

 

หนึ่งในเรื่องที่ถูกมองว่าเป็นต้นตอของปัญหาคือ การคงคอนเซปต์ Zero-Sidepod ของรถเอาไว้ โดยแนวคิดนี้คือความพยายามในการออกแบบไซด์พอดให้มีขนาดเล็กจนแทบจะหายไปในตัวถังรถ โดยเมอร์เซเดสหวังว่าแนวคิดนี้จะสร้างแรงกดและลดแรงต้านอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

 

 

ชัยชนะในเรซรองสุดท้ายที่บราซิลเมื่อปลายฤดูกาลก่อนอาจกลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากกว่าในระยะยาว เนื่องจากมันทำให้พวกเขามั่นใจในแนวคิด Zero-Sidepod มากขึ้น

 

แต่การทดสอบรถช่วงพรีซีซันเทสต์วันที่ 2 จาก 3 วันปรากฏว่า แฮมิลตันต้องดิ้นรนเพื่อหาสมดุลในตอนเช้า ก่อนที่รัสเซลล์จะพังด้วยปัญหาระบบไฮดรอลิกในเซสชันต่อมา

 

นั่นจะเป็นจุดสิ้นสุดของการมองโลกในแง่ดี และสิ่งที่ตอกย้ำเรื่องนั้นคือการฝึกซ้อม 3 ครั้งในสัปดาห์ถัดมา ตามด้วยรอบควอลิฟายด์และการแข่งขันในเรซแรก เป็นที่ข้อบ่งบอกที่ชัดเจนว่า แนวคิดของเมอร์เซเดสมีข้อบกพร่อง และความหวังในปี 2023 ของพวกเขาก็ริบหรี่ลงทันที

 

อีกปัจจัยหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงหลังจากความล้มเหลวของเมอร์เซเดสในช่วงต้นฤดูกาลนี้คือ ‘ความชะล่าใจ’

 

ในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2014-2021 ความโดดเด่นของเมอร์เซเดสเกิดจากเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดในบรรดาทีมทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจจะคิดว่าแผนกแอโรไดนามิกส์ของพวกเขาไม่จำเป็นต้องดีที่สุดก็ได้ 

 

แต่การพัฒนาอย่างรวดเร็วในเรื่องเครื่องยนต์ของทีมคู่แข่งอย่างเรดบูลล์และเฟอร์รารีที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ความได้เปรียบของพวกเขาหายไป

 

นอกจากนี้ทีมซิลเวอร์แอร์โรว์ยังสูญเสียบุคลากรหลักไปอีกหลายคนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แอนดี โคเวลล์ หัวหน้าฝ่ายเครื่องยนต์ แยกทางกับทีมก่อนเปิดฤดูกาล 2020 ขณะที่ เจมส์ อัลลิสัน อดีตผู้อำนวยการด้านเทคนิค ได้รับบทบาทใหม่ในปี 2021 ซึ่งทำให้เขาต้องถอยห่างจากหน้าที่ที่เคยทำ

 

ขณะที่อีก 2 หัวใจสำคัญอย่าง เอริค บลันดีน หัวหน้านักแอโรไดนามิกส์ กับ เจมส์ โวลเลส หัวหน้านักยุทธศาสตร์ทีม คนหนึ่งก็ย้ายไปอยู่กับแอสตัน มาร์ติน ขณะที่อีกคนก็ย้ายไปเป็นทีมบอสของวิลเลียมส์ 

 

นอกจากนี้เมอร์เซเดสยังสูญเสีย เบน ฮอด์กคินสัน หัวหน้าแผนกวิศวกรรมเครื่องกล ให้กับเรดบูลล์เมื่อปีก่อนอีกด้วย

 

นับจนถึงตอนนี้เท่ากับว่าเมอร์เซเดสสูญเสียบุคลากรจากยุคสมัยที่พวกเขาเป็นจ้าวในกีฬาชนิดนี้ไปทั้งหมดราว 15 คนจากการย้ายทีม

 

ทั้งหมดเป็นผลที่เกิดขึ้นจากกฎการควบคุมงบประมาณการใช้จ่ายของ FIA ที่ประกาศใช้ในปี 2021 เพราะถึงแม้ว่าเมอร์เซเดสจะเป็นหนึ่งในทีมที่ร่ำรวยที่สุดในการแข่งขันกีฬาชนิดนี้ แต่กฎดังกล่าวจะคอยป้องกันไม่ให้พวกเขาทุ่มเงินเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในแบบที่พวกเขาอาจทำได้ในอดีตด้วย

 

ทีนี้คำถามสำคัญคือ ‘พวกเขาจะกลับไปอยู่ในตำแหน่งที่พวกเขาควรอยู่ได้เร็วแค่ไหน?’

 

 

เมอร์เซเดสได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงแฟนๆ ของทีมพวกเขา โดยกล่าวว่า “ทีมกำลังทำงานอย่างเร่งด่วนและไม่ลนลาน เพื่อสร้างแผนฟื้นฟูทีมของเรา” พร้อมยืนยันว่า พวกเขาจะไม่ตื่นตระหนก ฟาดงวงฟาดงา หรือมองหาแพะรับบาป

 

นั่นอาจหมายความได้ว่า เมอร์เซเดสยังไม่ได้ยอมแพ้ในรถรุ่น W14 ที่พวกเขาใช้ในการแข่งขัน F1 ฤดูกาลนี้โดยสิ้นเชิง พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อช่วยให้พวกเขากลับสู่เส้นทางสู่ความสำเร็จได้

 

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงสำหรับรถที่ออกแบบมาแล้วและถูกนำไปใช้ในการแข่งขันแล้วนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลาไม่น้อย ในขณะที่เวลาในการแข่งขันฤดูกาลนี้ก็ยังดำเนินต่อไป และจำนวนเรซที่จะใช้แข่งขันเพื่อสะสมคะแนนก็จะค่อยๆ ลดลง

 

ดังนั้นสิ่งที่แฟนๆ ทีมซิลเวอร์แอร์โรว์ทำได้ในตอนนี้คงมีแต่อดทนและรอคอย พร้อมกับภาวนาว่า ความเปลี่ยนแปลงที่ทีมต้องการแก้ไขให้เกิดขึ้นนั้นจะมาถึงเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้…

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising