×

รู้ว่าเสี่ยงโควิด-19 แต่ต้องสู้ต่อ ‘บุคลากรทางการแพทย์’ มดงานด่านหน้าแห่งความเป็นความตาย [PR News]

10.04.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

 

  • เฉพาะในประเทศไทยมีรายงานว่า บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไปกว่า 80 รายแล้ว และเสียชีวิตไปถึง 3 ราย (ณ วันที่ 10 เมษายน) ในพื้นที่ทางภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงราย ลำพูน และพิษณุโลก แม้จะไม่ใช่เพราะโควิด-19 แต่ก็เป็นผลมาจากภาระงานที่หนัก หลังต้องต่อสู้กับโรคระบาดนี้ 
  • เพื่อไม่ให้งานของพวกเขาหนักขึ้นไปกว่านี้ คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันดูแลตนเอง และพร้อมใจกันส่งกำลังใจให้นักรบด่านหน้าสู้ศึกครั้งนี้เพื่อฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน

 

 

โควิด-19 ระบาดทั่วโลก พรากชีวิต-กลืนกินเศรษฐกิจจนทรุดหนัก
โรคระบาดที่ชื่อ ‘โควิด-19’ เป็นบททดสอบครั้งสำคัญของมนุษยชาติ จากข้อมูล ณ วันที่ 9 เมษายน โควิด-19 ได้แพร่ระบาดไปแล้วทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 1.5 ล้านคน และเสียชีวิตแล้วกว่า 8 หมื่นราย

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 4 เดือนนับจากเชื้อไวรัสถูกค้นพบครั้งแรกในเมืองอูฮั่น ของประเทศจีน โควิด-19 ได้สร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับผู้คน รวมทั้งทำลายระบบเศรษฐกิจของโลกอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน

        

‘ประเทศไทย’ เองก็ถูกทดสอบด้วยโจทย์นี้เช่นกัน โรคโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วประเทศ จนมีตัวเลขผู้ป่วยกว่า 2,000 ราย กระจายไปทุกภูมิภาค สร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชน หลายคนกังวลว่าตนเองจะติดโรคหรือไม่    

 

‘บุคลากรทางการแพทย์’ ด่านหน้าเสียสละเพื่อสู้โควิด-19 ให้คนไทย 

แน่นอนว่าหน่วยงานที่เรียกได้ว่าเป็นแนวหน้า หรือ ‘ด่านหน้า’ ในการรับมือกับไวรัสตัวร้ายนี้คงไม่พ้น ‘บุคลากรทางการแพทย์’ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. ไปจนถึงหน่วยกู้ภัยเคลื่อนที่เร็วต่างๆ

        

ผู้ที่สู้อยู่ที่แนวหน้าให้กับประชาชนนี่เอง คือผู้ที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงสูงสุด ทั้งต้องสัมผัสกับผู้ป่วย และทำงานหนักจนมีเวลาพักผ่อนน้อย ทำให้พวกเขามีโอกาสจะเป็นเหยื่อหรือติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มากที่สุด

        

เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือ ความเสี่ยงที่อาจจะเป็นพาหะนำโรคนี้ไปติดต่อสู่คนรอบข้างของตัวเอง ส่งผลให้แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ต้องหลีกเลี่ยงการพบปะครอบครัว ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลกันตลอดเวลา

        

มิหนำซ้ำในเวลานี้อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ ก็ขาดแคลน ทั้งหน้ากากอนามัย ถุงมือ กลายเป็นความเสี่ยงครั้งใหญ่ที่พวกเขาต้องเผชิญ

        

ยิ่งในกรณีเคสที่มีการระบาดจากสนามมวยลุมพินี ที่นำไปสู่การแพร่เชื้อครั้งใหญ่ในประเทศนั้น มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการปิดบังหรือกลัวจากผู้ติดเชื้อที่อยู่ในสนามมวยแห่งนั้น ทำให้แพทย์ไม่สามารถสืบสวนการแพร่ระบาดของเชื้อได้ สุดท้ายนำไปสู่การแพร่กระจายของเชื้อไปยังบุคลากรในพื้นที่นั้นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

เฉพาะในประเทศไทยมีรายงานว่า บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อไวรัสตัวนี้ไปกว่า 80 รายแล้ว และเสียชีวิตไปถึง 3 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 9 เมษายน) ในพื้นที่ทางภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงราย ลำพูน และพิษณุโลก แม้จะไม่ใช่เพราะโควิด-19 แต่ก็เป็นผลมาจากภาระงานที่หนัก หลังต้องต่อสู้กับโรคระบาดนี้ 

        

นั่นจึงแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องเผชิญหน้ากับไวรัสตัวนี้ ที่พร้อมคร่าชีวิตของพวกเขาทุกเมื่อ

        

น่าเศร้าอย่างยิ่งที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องเสียสละความสุข ชีวิตส่วนตัว เพื่อรักษาผู้คนและช่วยชีวิตของคนที่เรารักเอาไว้

 

คนไทยต้องร่วมมือฝ่าวิกฤต-ส่งกำลังใจให้นักรบด่านหน้า สู้ไปด้วยกัน       

เพื่อไม่ให้งานของพวกเขาหนักขึ้นไปกว่านี้ คนไทยอย่างพวกเรานอกจากการให้กำลังใจหน่วยงานสาธารณสุขให้ต่อสู้กับเชื้อร้ายนี้แล้ว 

 

สิ่งที่คนไทยควรทำคือการรักษาสุขภาพ ล้างมือให้สะอาด ไม่เข้าไปในพื้นที่แออัดหรือเสี่ยงจากโรค สวมหน้ากากอนามัย ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ตั้งสติ เสพข่าวสารอย่างเข้าใจ หากมีอาการป่วยให้แยกตัวโดยไว และแจ้งหน่วยงานทางการแพทย์โดยด่วน

        

สุดท้ายนี้จึงขอเชิญชวนให้คนไทยทุกคนมาร่วมมือกันต่อสู้วิกฤตครั้งนี้ และร่วมเป็นกำลังใจให้กับ ‘บุคลากรทางแพทย์’ ทุกคนที่อยู่ในแนวหน้า รวมทั้งอาชีพอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องในการต่อสู้กับโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเก็บขยะ คนทำอาหาร คนขับรถขนส่งของ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอีกหลากหลายสาขาอาชีพที่เป็นด่านหน้า เสียสละความสุขเพื่อให้กลไกของประเทศนี้ยังคงเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่ชะงักขาดช่วง

 

ท่ามกลางวิกฤตที่หนักหนาสาหัสนี้ เราจะสามารถผ่านไปได้ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของคนไทยทุกคน คนละเล็กคนละน้อย

        

เพื่อยุติการแพร่ระบาดไวรัสนี้และคืนความปกติสุของเราให้กลับคืนมา

        

ขอเป็นกำลังใจให้ ‘บุคลากรทางการแพทย์’ นักรบด่านหน้าทุกคนที่ต้องต่อสู้อย่างเข้มแข็งในเวลานี้

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising