ในยุคเศรษฐกิจที่กำลังซื้อยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น เป็นเหตุให้ลูกค้า McDonald’s เลือกซื้อเฉพาะเมนูสุดคุ้ม จับคู่เบอร์เกอร์-เฟรนช์ฟรายส์ หวังลดค่าใช้จ่าย ทำให้ยอดซื้อต่อบิลลดลง จนผู้บริหารแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่สัญชาติอเมริกันต้องชี้แจงต่อนักลงทุน
Chris Kempczinski ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร McDonald’s กล่าวกับนักลงทุนว่า ในไตรมาส 2 เริ่มเห็นพฤติกรรมลูกค้าที่เข้ามาในร้าน มีการซื้อสินค้าในราคาถูกลง หรือเลือกซื้อเฉพาะเมนูสุดคุ้ม ทำให้ยอดซื้อต่อบิลลดลง ส่วนเมนูอาหารระดับพรีเมียม ถูกเลือกซื้อน้อยลง สะท้อนให้เห็นถึงการประหยัดค่าใช้จ่าย
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถประเมินได้ว่ายอดของการสั่งซื้อต่อบิลจะลดลงลากยาวไปนานแค่ไหน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อระดับครัวเรือนส่วนใหญ่มีรายได้อยู่ที่ 45,000-100,000 ดอลลาร์ หรืออาจน้อยกว่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- McDonald’s ทุ่ม 7.8 หมื่นล้านบาท ลุยขยายสาขา 1,500 แห่งทั่วโลก ท่ามกลางพฤติกรรมลดค่าใช้จ่ายของลูกค้า
ดังนั้น จึงต้องจัดโปรโมชันชุดสุดคุ้ม จับคู่ชุดเบอร์เกอร์และเฟรนช์ฟรายส์ 2 ชิ้นในราคา 6.50 ดอลลาร์ หรือราวๆ 222 บาท เพื่อกระตุ้นยอดขายและดึงดูดผู้บริโภค
“ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าว ประกอบกับในช่วงที่ต้นทุนวัตถุดิบ ไก่ และชีสเริ่มลดลง เราเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มอัตรากำไรในไตรมาส 2 ได้” Chris Kempczinski ย้ำ
ด้าน Neil Saunders นักวิเคราะห์การค้าปลีกและกรรมการผู้จัดการของ GlobalData กล่าวว่า ส่วนใหญ่แล้วผู้บริโภคยังเลือกออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน แต่ลดการใช้จ่ายในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ใหญ่ที่มีราคาสูง และหันไปจับจ่ายในร้านฟาสต์ฟู้ดแบรนด์เล็กที่มีราคาถูกลง เพราะทำให้ประหยัดเงินได้
ทั้งนี้ นับเป็นความท้าทายของธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ยิ่งอยู่ในภาวะที่ต้นทุนวัตถุดิบบางตัวที่ยังสูง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น สร้างความกดดันให้กับธุรกิจ ถ้าหากมีการขึ้นราคาอีก ก็อาจกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะในปี 2021 McDonald’s ขึ้นราคาเมนูเบอร์เกอร์และเฟรนช์ฟรายส์ไปแล้วประมาณ 6%
สำหรับผลประกอบการ McDonald’s ในไตรมาส 1 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 14% อยู่ที่ 6.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่มาจากการปรับขึ้นราคาและจำนวนลูกค้าเข้าร้านถี่ขึ้น ตลอดจนแรงหนุนจากแคมเปญการตลาดที่หลากหลาย เข้ามาช่วยกระตุ้นให้เติบโตขึ้นต่อเนื่อง
อ้างอิง: