Mastercard บริษัทผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำของโลก รุกคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น โดยประกาศปล่อยบริการ ‘Crypto Secure’ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อป้องกันและตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย และเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมทางการเงิน ซึ่งบริการดังกล่าวจะเข้าไปช่วยธนาคารในการระบุและระงับธุรกรรมที่มีแนวโน้มมีผิดกฎหมายจากการโอนเข้าผ่านแพลตฟอร์มเทรดคริปโต
โดย Crypto Secure นั้นใช้ระบบ AI (Artificial Intelligence) ในการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมของคริปโตที่ถูกเก็บบนบล็อกเชนแบบสาธารณะ เพื่อประเมินความเสี่ยงทางธุรกรรมของลูกค้าบนแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่มีการทำงานบนเครือข่ายการชำระเงินของ Mastercard ว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นอาชญากรรมทางการเงินหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum และทิศทางในอนาคตของเหรียญ ETH
- ทำไมเหรียญ LUNC ถึงพุ่งกว่า 425% ภายใน 14 วัน? อะไรที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นครั้งนี้
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
บริการใหม่ดังกล่าวถูกพัฒนาโดย CipherTrace สตาร์ทอัพด้านความปลอดภัยบนบล็อกเชนสัญชาติอเมริกา ที่ทาง Mastercard เข้าซื้อไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดย CipherTrace นั้นเป็นธุรกิจที่คอยช่วยเหลือภาคเอกชนและรัฐบาลในการประเมินและสอบสวนธุรกรรมที่ผิดปกติในคริปโต ซึ่ง CipherTrace นั้นก็มีคู่แข่งเป็นบริษัทด้านคริปโตสัญชาติอังกฤษชื่อดังอย่าง Chainanalysis และ Elliptic
ซึ่งการรุกเข้าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบธุรกรรมของ Mastercard นั้นก็มาจากการเล็งเห็นโอกาสจากการเติบโตของอาชญากรรมบนสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมา โดยในปี 2021 ปริมาณวอลเล็ตคริปโตที่มีความสัมพันธ์กับการก่ออาชญากรรมนั้นมากถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5 แสนล้านบาท และในปี 2022 ก็มีการพุ่งขึ้นของความอันตรายด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเช่นเดียวกัน
และในบริการ ‘Crypto Secure’ นั้นจะเสนอบริการให้แก่สถาบันการเงินและผู้ออกบัตรต่างๆ สามารถดูความเสี่ยงของลูกค้าผ่านแดชบอร์ดของแพลตฟอร์ม ที่จะแสดงถึงความเสี่ยงของลูกค้าระดับตามสีต่างๆ ต้ังแต่สีเขียวสำหรับความเสี่ยงต่ำ ไปจนถึงสีแดงสำหรับความเสี่ยงสูงที่ต้องระวัง
Ajay Bhalla ประธานด้านไซเบอร์และระบบปฏิบัติการอัจฉริยะของ Mastercard ชี้ว่า “ไอเดียสำหรับความเชื่อมั่นที่เราได้เคยเสนอให้แก่ธุรกรรมสำหรับร้านค้าออนไลน์นั้น ก็เป็นสิ่งที่เราต้องการเสนอให้แก่ธุรกรรมบนสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับทั้งลูกค้า สถาบันการเงิน และร้านค้าเช่นกัน” ซึ่ง Ajay มองว่าการทำเช่นนั้นได้ก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอันซับซ้อนของฝ่ายกำกับดูแล
นอกจากนี้ Mastercard ยังต้องเร่งพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อให้สามารถตามคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Visa ได้ทัน ที่มีการลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโตมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมา Visa ก็ได้เปิดตัวบริการที่ปรึกษาทางด้านคริปโตแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกเหรียญ จนถึง NFT
และในรายงานทางการเงินช่วงไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมาของ Visa ยังชี้ถึงการเติบโตของคริปโตว่า ทางบริษัทมีธุรกรรมที่บัตรถูกเขื่อมโยงกับบัญชีบนแพลตฟอร์มคริปโตสูงถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 9.3 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP