×

TU รายงานกำไร 2Q64 ดีกว่าคาด พร้อมคงเป้ายอดขายปี 2564 ที่เติบโต 3-5% แต่ปรับเป้าอัตรากำไรขึ้น

10.08.2021
  • LOADING...
TU

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวานนี้ (9 สิงหาคม) บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) รายงานกำไร 2Q64 ที่ 2.34 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 37%YoY และ 30%QoQ หากตัดรายการพิเศษจำนวน 62 ล้านบาทออกไป กำไรปกติ 2Q64 จะอยู่ที่ 2.28 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 50%YoY และ 28%QoQ ดีกว่าตลาดคาด ซึ่งเกิดจากยอดขายและอัตรากำไรที่สูงกว่าคาด

 

โดยยอดขาย 2Q64 เพิ่มขึ้น 9%YoY ซึ่งการเติบโต 2%YoY มาจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน (เงินบาทอ่อนค่า 8%YoY เมื่อเทียบกับยูโร แต่แข็งค่า 2%YoY เมื่อเทียบกับดอลลาร์) และการเติบโต 7%YoY มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งที่เพิ่มขึ้น 29%YoY ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจร้านอาหารโดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น 13%YoY มาจากความต้องการที่แข็งแกร่งและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งมากพอที่จะชดเชยการลดลงของอาหารทะเลแปรรูปที่ลดลง 7%YoY 

 

ด้านอัตรากำไรขั้นต้น 2Q64 เพิ่มขึ้น 150 bps YoY สู่ระดับ 19% เนื่องจากอัตรากำไรที่ดีขึ้นในธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง (เพิ่มขึ้น 410 bps YoY) และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (เพิ่มขึ้น 380 bps YoY) เพราะปริมาณขายที่สูงขึ้น และยอดขายผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้อัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้น ซึ่งมากเพียงพอชดเชยอัตรากำไรที่ลดลงจากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปที่ลดลง 130 bps YoY

 

ขณะที่ผลประกอบการของธุรกิจ Red Lobster ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากมีจำนวนสาขากลับมาเปิดให้บริการตามปกติเพิ่มขึ้น

 

กระทบอย่างไร:

วันนี้ (10 สิงหาคม) ราคาหุ้น TU ปรับตัวขึ้น 2.74%DoD สู่ระดับ 22.50 บาท เช่นเดียวกับ SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 7.73 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.50%DoD สู่ระดับ 1,547.92 จุด (ข้อมูล ณ เวลา 12.30)

 

มุมมองระยะสั้น:  

TU ยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดขายปี 2564 ที่ 3-5%YoY และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายที่ 11-12% แต่ปรับเพิ่มเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นสู่ 17-18% (จาก 17%) และส่วนแบ่งกำไรจาก Red Lobster เพิ่มขึ้นสู่ขาดทุน 200-300 ล้านบาท (จากเดิมขาดทุน 600 ล้านบาท) เนื่องจากการฉีดวัคซีนโควิดในสหรัฐฯ มากขึ้น ส่งผลทำให้ร้านอาหารทุกแห่งเปิดให้บริการนั่งรับประทานในร้านได้ 95% ของที่นั่งในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ TU ยังคาดว่าต้นทุนค่าระวางและต้นทุนบรรจุภัณฑ์โลหะและน้ำมันที่ใช้ในการผลิตอาหารจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องใน 2H64

 

ภายหลังจากพบพนักงานบางส่วนมีผลการตรวจโควิดเป็นบวก TU จึงได้ปิดโรงงานสงขลาแคนนิ่ง (คิดเป็น 5% ของยอดขายรวมของ TU) เป็นเวลาสองสัปดาห์ และกลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้อยู่ในช่วงเพิ่มการผลิต นอกจากนี้อัตราส่วนพนักงานภายในบริษัทที่ได้รับวัคซีนโควิดแล้วตามแผนการฉีดวัคซีนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศไทย และการฉีดวัคซีนในประเทศเซเชลส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ มีความคืบหน้าที่ดี

 

มุมมองระยะยาว:

ในระยะถัดไป ต้องติดตามแผนการ Spin Off และจดทะเบียนของธุรกิจอาหารสัตว์ในช่วงสิ้นปี 2564 รวมถึงการ Spin Off ของธุรกิจ Pet Care ตอนสิ้นปี 2565 และธุรกิจ Red Lobster ในอนาคต ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยปลดล็อกมูลค่าแฝงของกลุ่มธุรกิจในเครือของ TU

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising