×

หุ้นกลุ่มธนาคาร – พรีวิว 2Q66 คาดกำไรเพิ่มขึ้น YoY และลดลง QoQ

27.06.2023
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 2Q66 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (SETBANK) ปรับเพิ่มขึ้น 0.90%MoM ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 1.91%MoM

 

พรีวิวผลประกอบการ 2Q66:

 

InnovestX Research คาด กำไรสุทธิ 2Q66 ของกลุ่มธนาคารจะลดลง 6%QoQ (กำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยวิธี FVTPL ที่ลดลง) แต่จะเพิ่มขึ้น 7%YoY (NII เพิ่มขึ้นเนื่องจาก NIM ดีขึ้น) โดยคาดว่า BBL จะรายงานกำไรสุทธิ 2Q66 เติบโตแข็งแกร่งที่สุดที่ 8%QoQ และ 56%YoY 

 

พรีวิวผลประกอบการ 2Q66 สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

 

  1. Credit Cost: คาดว่ากลุ่มธนาคารจะมี Credit Cost เพิ่มขึ้น 17bpsYoY และ 2bpsQoQ ใน 2Q66 NPL คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ การปรับเพิ่มอัตราการชำระสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างแล้ว แรงกดดันเงินเฟ้อ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น

 

  1. การเติบโตของสินเชื่อ: สินเชื่อของกลุ่มธนาคารเติบโตต่ำที่ 0.2%QTD, 0.6%YoY และลดลง 0.3%YTD ณ เดือนพฤษภาคม คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อกลุ่มธนาคารจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในเดือนมิถุนายน ดังนั้นจึงคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อใน 2Q66 ที่ 1%QoQ, YoY และ YTD 

 

  1. NIM: คาดว่า NIM ของกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง YoY และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น 25bps เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 และอีก 25bps เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ซึ่งคาดว่า NIM ของกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้น 5bpsQoQ และ 37bpsYoY ใน 2Q66 คาดว่า NIM ของธนาคารขนาดใหญ่จะขยายตัวราว 2-8bpsQoQ ใน 2Q66 การมีสินเชื่อรถยนต์ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ในสัดส่วนสูง ทำให้คาดว่า TISCO และ KKP จะรายงาน NIM ลดลง 7-8bpsQoQ ใน 2Q66

 

  1. Non-NII: คาดว่า Non-NII จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ โดยมีสาเหตุมาจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินและกำไรจากเงินลงทุนที่น้อย ลงรวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับตลาดทุนที่ลดลง 

 

  1. OpEx: คาดว่า OpEx จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY (ค่าใช้จ่ายด้าน IT, ค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าใช้จ่ายการตลาด) และคาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ของกลุ่มธนาคารโดยรวมจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ และลดลงเล็กน้อย YoY

 

แนวโน้มผลประกอบการในปี 2566:

 

สำหรับปี 2566 คาดว่ากำไรกลุ่มธนาคารจะเติบโต 13% โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 4% NIM จะขยายตัว 23bps (หลักๆ เกิดขึ้นที่ธนาคารขนาดใหญ่) Credit Cost จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 6bpsNon-NII จะอยู่ในระดับทรงตัว (รายได้ค่าธรรมเนียมทรงตัว) และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลงเล็กน้อย 

 

ประมาณการ NIM ที่คาดการณ์ไว้สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ (BBL, KTB, KBANK และ SCB) มีแนวโน้ม Upside เพราะอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจปรับขึ้นอีกสู่ 2.5% ใน 2H66 สูงกว่าสมมติฐานที่ 2% ส่วนด้าน SCB EIC คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่ระดับสูงสุดที่ 2.5% ภายใน 3Q66 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายแล้ว

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เลือก KTB (เรตติ้ง Outperform มีราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 21.0 บาทต่อหุ้น) และ BBL (เรตติ้ง Outperform มีราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 197.0 บาทต่อหุ้น) เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคารเพราะ 

 

  1. มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  2. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ
  3. Valuation น่าสนใจ

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ 

 

  1. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
  2. การขยายสินเชื่อได้ช้ากว่าคาด เนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัวและการแข่งขันสูง
  3. ผลกระทบจาก Fintech
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising