×

SCGP – 4Q66 กำไรสุทธิต่ำกว่า INVX และ Consensus คาด

24.01.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) รายงานกำไรสุทธิ 4Q66 อยู่ที่ 1.21 พันล้านบาท ลดลง 8.3%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 110.1%YoY กำไรที่ลดลง QoQ ถูกฉุดรั้งโดยค่าใช้จ่ายพิเศษที่ไม่คาดคิด ได้แก่ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและ Currency Swap จากสัญญาป้องกันความเสี่ยงเงินกู้ยืมของ Fajar Paper ในประเทศอินโดนีเซีย ~100 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีที่เพิ่มขึ้น ~100 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม หากตัดรายการพิเศษออกไป พบว่ากำไรจากการดำเนินงานใกล้เคียงกับที่ได้คาดการณ์ไว้ ผลการดำเนินงานของธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียและสายธุรกิจเยื่อและกระดาษปรับตัวดีขึ้น QoQ (จากกลับมาผลิตเต็มกำลังของโรงงานผลิตเยื่อกระดาษหลังจากหยุดซ่อมบำรุงใหญ่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ใน 3Q66) ตามที่คาดการณ์ไว้ อีกทั้งยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาเยื่อใยสั้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 524 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ใน 3Q66 สู่ 625 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ใน 4Q66

 

ด้านรายได้อยู่ที่ 3.19 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0%QoQ หลักๆ เกิดจากรายได้จากสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่ดีขึ้น (เพิ่มขึ้น 2%QoQ) อันเป็นผลมาจากรายได้จากบรรจุภัณฑ์โพลีเมอร์ (ได้แรงหนุนจากยอดขายกลุ่มพรีเมียม) และบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ (ได้รับการสนับสนุนจากการเตรียมต้อนรับเทศกาลตรุษจีนในประเทศเวียดนามและการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในประเทศอินโดนีเซีย) ที่แข็งแกร่ง รวมถึงรายได้จากการขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ดีขึ้น (ปริมาณการขายสูงขึ้น) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากความต้องการจากประเทศจีน ทั้งนี้ จีนนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์สูงถึง 850,000 ตัน ในเดือนพฤศจิกายน 2566 สูงกว่าระดับเฉลี่ยก่อนเกิดโควิดที่ 800,000 ตันต่อเดือน

 

นอกจากนี้รายได้จากสายธุรกิจเยื่อและกระดาษก็ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย QoQ จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.9% (เพิ่มขึ้น 10bps QoQ และ 319bps YoY) โดยเกิดจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ดีขึ้นและการควบคุมต้นทุนถ่านหินได้ดี เนื่องจาก SCGP ได้ทำการล็อกราคาและปริมาณถ่านหินสำหรับ 4Q66 ไว้ในช่วงที่ราคาถ่านหิน (ดัชนี ICI) อยู่ในระดับต่ำที่ 70-75 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (เทียบกับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ใน 4Q66 และ 72ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ใน 3Q66)

 

กระทบอย่างไร:

 

วันนี้ (24 มกราคม) ราคาหุ้น SCGP ปรับลง 1.61% สู่ระดับ 30.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 0.21% สู่ระดับ 1,359.33 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

 

ผู้บริหารคาดว่าราคาและปริมาณการขายกระดาษบรรจุภัณฑ์จะเติบโตต่อเนื่องใน 1Q67 เนื่องจากราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ภายในประเทศจีนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์ พัฒนาการเหล่านี้น่าจะส่งผลบวกต่อธุรกิจในอินโดนีเซีย โดยผู้บริหารคาดว่าธุรกิจในอินโดนีเซีย (Fajar Paper) จะถึงจุดคุ้มทุนในปี 2567 ทั้งนี้ การฟื้นตัวของราคาขายเฉลี่ย (ASP) และปริมาณการขายโดยรวมของธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียน่าจะทำให้เกิด Sentiment เชิงบวก

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research เชื่อว่าราคาหุ้น SCGP ที่ปรับตัวลดลงสะท้อนปัจจัยลบไปเรียบร้อยแล้ว และคาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้นใน 1Q67 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยจำกัด Downside Risk โดยยังคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ SCGP โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 51 บาทต่อหุ้น อ้างอิงระดับ -0.5SD Historical PE Mean

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้าหลังเปิดประเทศ และผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising