×

HMPRO – 4Q66 กำไรเป็นไปตามตลาดคาด

29.02.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) รายงานกำไรสุทธิ 4Q66 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%YoY และ 9%QoQ เป็นไปตามตลาดคาด กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY หลักๆ เกิดจากอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น ซึ่งมากเกินพอชดเชยยอดขายที่ลดลง (SSS ที่หดตัวลงไปหักล้างการขยายสาขา) ในขณะที่กำไรที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้ หลังจากจ่ายเงินปันผลงวด 1H66 ในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้น HMPRO ก็ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H66 ในอัตรา 0.22 บาทต่อหุ้น (XD วันที่ 22 เมษายน) 

 

สำหรับรายการที่สำคัญใน 4Q66 ดังนี้

 

  1. รายได้ลดลง 1%YoY สู่ 1.7 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก SSS ที่หดตัวลงไปหักล้างการขยายสาขา โดยประเมินว่า SSS ที่ร้านโฮมโปร (81% ของยอดขาย) ลดลง 8%YoY และ SSS ที่ร้านเมกาโฮม (17% ของยอดขาย) ลดลง 7%YoY เพราะถูกฉุดรั้งโดย

 

  • การที่คนส่วนหนึ่งเลื่อนการใช้จ่ายออกไปยังเดือนมกราคม เพื่อรอใช้สิทธิในโครงการ Easy e-Receipt
  • กำลังซื้อที่อ่อนแอลงส่งผลกระทบทำให้การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวลดลง และการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐที่ล่าช้าส่งผลกระทบทำให้การลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลง
  • การปรับปรุงภายในเพื่อลดยอดขายที่มีมาร์จิ้นต่ำสำหรับงานโครงการจากร้านเมกาโฮม เริ่มตั้งแต่กลางปี 2566 (ส่งผลกระทบ 2-3% ต่อ SSS)

 

ทั้งนี้ ใน 4Q66 HMPRO เปิดสาขาใหม่ 4 สาขา ได้แก่ โฮมโปร 2 สาขา และเมกาโฮม 2 สาขา ส่งผลให้บริษัทมีสาขารวมทั้งหมด 128 สาขา ณ สิ้น 4Q66 (เพิ่มขึ้น 9%YoY และ 3%QoQ) ซึ่งประกอบด้วยโฮมโปร 89 สาขา, โฮมโปรเอส 5 สาขา, เมกาโฮม 27 สาขา และโฮมโปรในประเทศมาเลเซีย 7 สาขา 

 

  1. อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 130bps YoY สู่ 27.30% ซึ่งเป็นผลมาจากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นที่ร้านเมกาโฮม จากการมีสัดส่วนยอดขายสินค้า Private Brand ต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 17% ในปี 2565 สู่ 19.50% ในปี 2566 และมาร์จิ้นที่ดีขึ้นที่ร้านโฮมโปร จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายลดลงและการมีสัดส่วนยอดขายสินค้า Private Brand ต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 20.80% ในปี 2565 สู่ 20.90% ในปี 2566 

 

  1. EBIT Margin เพิ่มขึ้น 60bps YoY สู่ 13.20% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นช่วยชดเชยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่สูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 40bps YoY จากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขยายสาขาที่สูงขึ้น) และรายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นที่ลดลง (ลดลง 4%YoY รายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 9%YoY จากอัตราค่าเช่าและพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้น แต่รายได้อื่นลดลง 11%YoY จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าลดลง) 

 

กระทบอย่างไร:

 

หลังรายงานผลประกอบการ วานนี้ (28 กุมภาพันธ์) ราคาหุ้น HMPRO ปรับขึ้น 5.50% สู่ระดับ 11.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.60% สู่ระดับ 1,385.38 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:

 

InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลง 5% เพื่อสะท้อน SSS ที่อ่อนแอกว่าคาด YTD ใน 1Q67TD ประเมินได้ว่ายอดขายสาขา (SSS) ลดลงในอัตราเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY สำหรับร้านโฮมโปร (ทรงตัว YoY ในวันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ จากโครงการ Easy e-Receipt แต่ลดลงเล็กน้อย YoY หลังจากสิ้นสุดโครงการ) และลดลงในอัตราเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY สำหรับร้านเมกาโฮม 

 

การกลับมาเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และฐานกำลังซื้อและการจับจ่ายใช้สอยระดับต่ำใน 2H66 ทำให้คาดว่า SSS จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลาย 2Q67 ถึง 2H67 ทั้งนี้ 1Q67 คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากการขยายสาขาและมาร์จิ้นที่ปรับตัวดีขึ้นจะมากเกินพอชดเชย SSS ที่หดตัวลง แต่จะอยู่ในระดับทรงตัวหรือลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ปัจจุบันหุ้น HMPRO เทรดในระดับที่น่าสนใจมากขึ้นที่ P/E ปี 2567 ระดับ 21 เท่า (ต่ำกว่า -2S.D. จาก P/E เฉลี่ย 10 ปีที่ 24 เท่า) โดยยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ HMPRO ด้วยราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7.10% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.50%) ที่ 13.50 บาทต่อหุ้น

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนพร้อมกับการบริหารจัดการคุณภาพ (E) แนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน และความปลอดภัยของข้อมูล (S)

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising