×

หุ้นกลุ่มพลังงาน (โรงกลั่น) – แนวโน้มดีขึ้นหลัง 4Q65 อ่อนแอ

06.02.2023
  • LOADING...
หุ้นกลุ่มพลังงาน

เกิดอะไรขึ้น:

InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q65 ของบริษัทกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่น ภายใต้การวิเคราะห์จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP), บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC), บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) และ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) 

 

กระทบอย่างไร: 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน (SETENERG) ปรับลดลง 2.12%MoM โดยราคาหุ้น BCP ปรับเพิ่มขึ้น 14.29%MoM ราคาหุ้น IRPC ปรับเพิ่มขึ้น 2.70%MoM ราคาหุ้น SPRC ปรับเพิ่มขึ้น 6.67%MoM และราคาหุ้น TOP ปรับเพิ่มขึ้น 2.69%MoM


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


พรีวิวผลประกอบการ 4Q65:

InnnovestX Research คาดว่าผลการดำเนินงาน 4Q65 ของผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันไทยจะมีทิศทางที่คละเคล้ากัน โดยจะได้รับผลกระทบจากค่าการกลั่นที่ลดลงและขาดทุนสินค้าคงเหลือ เพราะราคาน้ำมันลดลง 15%QoQ ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ (Singapore GRM) ลดลง 11%QoQ สู่ 6.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ได้รับการชดเชยบางส่วนจาก Crude Premium ที่แคบลงมากกว่า 3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล 

 

ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำมันจากตะวันออกกลาง (~57% ของน้ำมันดิบที่ใช้ใน 4Q65) เนื่องจากซาอุดีอาระเบียได้ปรับลดราคาน้ำมันดิบส่วนใหญ่ที่ส่งไปยังเอเชียใน 4Q65 โดยมีสาเหตุมาจากปริมาณการใช้เชื้อเพลิงในจีนที่ต่ำกว่าคาด ท่ามกลางกฎคุมโควิดที่เข้มงวด ทำให้อุปสงค์ในตลาดภูมิภาคชะลอตัวลง

 

สำหรับพรีวิวผลประกอบการ 4Q65 ของบริษัทภายใต้การวิเคราะห์ ดังนี้ 

 

BCP: คาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 827 ล้านบาท อ่อนตัวลง YoY และ QoQ โดยมีสาเหตุมาจากรายการด้อยค่าของสินทรัพย์ธุรกิจ E&P ในนอร์เวย์จำนวน 250 ล้านโครนนอร์เวย์ (114 ล้านโครนนอร์เวย์ หรือราว 400 ล้านบาท อิงกับสัดส่วนการถือหุ้น 45.44% และก่อนภาษี) เนื่องจาก Okea บันทึกรายการด้อยค่าของสินทรัพย์แหล่ง Yme นอกจากนี้ยังประเมินขาดทุนสินค้าคงเหลือของ BCP (หลังหักกำไรจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน) ได้ที่ 2.6 พันล้านบาท เทียบกับ 300 ล้านบาท ใน 3Q65

 

IRPC: คาดว่าผลการดำเนินงานจะยังคงขาดทุนราว 7.1 พันล้านบาทใน 4Q65 โดยมีสาเหตุมาจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันตามแผนเป็นเวลา 1 เดือน ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นปรับลดลงเหลือเพียง 120kbd (อัตราการใช้กำลังการผลิต 56%) และขาดทุนสินค้าคงเหลือต่อเนื่องที่ 6.5 พันล้านบาท

 

SPRC: คาดว่าน่าจะยังคงมีผลขาดทุนที่ 825 ล้านบาท แต่ดีขึ้น QoQ เพราะขาดทุนสินค้าคงเหลือลดลง ในขณะที่ Market GRM น่าจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ เนื่องจากต้นทุนค่าระวางเพิ่มขึ้น รวมถึงมีผลกระทบจากค่าใช้จ่ายพิเศษ 1-1.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สำหรับการขนส่งน้ำมันแบบ Ship-to-Sip เนื่องจาก SPM ยังใช้งานไม่ได้

 

TOP: คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 141 ล้านบาท และจะปรับตัวดีขึ้น QoQ จากกำไรเพียง 12 ล้านบาทใน 3Q65 แม้ว่าจะยังคงอ่อนแอเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และคาดว่า TOP จะบันทึกขาดทุนสินค้าคงเหลือสุทธิ 6 พันล้านบาทใน 4Q65

 

กลยุทธ์การลงทุน:

หุ้นผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันไทยส่วนใหญ่ปรับตัว Outperform SET และ SETENERG ใน 1Q66TD โดยได้รับการสนับสนุนจากการเริ่มต้นปี 2566 ที่ดี โดย Singapore GRM ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จาก 6-7 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 2H65 GRM มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ที่สูงขึ้นในตลาดภูมิภาคหลังจีนเปิดประเทศอีกครั้ง 

 

แม้ว่าผลการดำเนินงาน 4Q65 จะยังคงอ่อนแอ โดยมีสาเหตุมาจากการขาดทุนสินค้าคงเหลือและ GRM ที่อ่อนแอ แต่คาดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัว QoQ ใน 1Q66 เพราะ GRM จะปรับตัวดีขึ้นและไม่มีขาดทุนสินค้าคงเหลือจำนวนมากเกิดขึ้นอีก 

 

InnovestX Research เลือก BCP เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งราคาหุ้น BCP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.3%YTD โดยได้แรงหนุนจากการประกาศซื้อหุ้น ESSO จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เชื่อว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ BCP เมื่อพิจารณาจากราคาเข้าซื้อยุติธรรม กำไรส่วนเพิ่มจาก ESSO และประโยชน์จาก Synergy ในด้านการดำเนินงานและการตลาด 

 

นอกเหนือจากพัฒนาการเชิงบวกดังกล่าวและ GRM ที่แข็งแกร่งในปี 2566 แล้ว ยังชอบที่ BCP มีธุรกิจ E&P ในนอร์เวย์ ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากอุปสงค์น้ำมันและก๊าซที่แข็งแกร่งในยุโรป เพื่อทดแทนอุปทานจากรัสเซีย

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ 

 

  1. ราคาน้ำมัน GRM และอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน
  2. การเปลี่ยนแปลงความชอบที่ผู้บริโภคมีต่อเชื้อเพลิงฟอสซิล 
  3. การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising