เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) เปิดเผยเป้าหมายธุรกิจปี 2565 โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตในระดับ Low to Mid-teen YoY โดยมีแนวโน้ม Upside จากยอดขายที่แข็งแกร่งกว่าคาดในปี 2565TD จากกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ (MSC) และกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ (PSC) ส่วนรายได้ค่าเช่าปี 2565 บริษัทยังคงเป้าเติบโตในระดับ High-teen YoY เพราะอัตราการเช่าพื้นที่จะเพิ่มขึ้น และการให้ส่วนลดค่าเช่าลดลง
ในขณะเดียวกัน BJC ได้ปรับเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 ลดลงเป็น 50bps YoY เนื่องจากอัตรากำไรที่อ่อนแอลงที่กลุ่ม Non-MSC จะได้รับการชดเชยเพียงบางส่วนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นที่กลุ่ม MSC
สำหรับกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ (MSC) (64% ของยอดขายปี 2564) ใน 2Q65TD ยอดขายสาขาเดิม (SSS) เติบโตมากที่สุดนับตั้งแต่ 4Q55 ที่ระดับ Low-teen YoY โดยได้แรงหนุนจากกิจกรรมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เนื่องจากโควิดมีผลกระทบน้อยลงท่ามกลางการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรในวงกว้าง การผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นที่ผู้ประกอบการค้าปลีกโมเดิร์นเทรดไม่สามารถเข้าร่วมได้ (คนละครึ่ง เราชนะ และเรารักกัน) และยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์และอีเวนต์ ‘Back to School’
BJC ปรับแผนขยายสาขาในปี 2565 ลดลง โดยจะเปิดร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตใหม่ 1 สาขา และร้าน Mini Big C 150 สาขา แต่ยังคงแผนเปิดร้าน Foodplace เพิ่ม 5 สาขา และร้านขายยาเพิ่ม 9 สาขา รวมทั้งวางแผนเร่งเปิดร้านโดนใจ (รูปแบบความร่วมมือใหม่ ซึ่ง BJC ร่วมมือกับร้านค้าแบบดั้งเดิม ปรับปรุงร้านค้าของเจ้าของร้านให้ทันสมัย และสั่งซื้อสินค้าเข้าร้านโดยตรงจากกลุ่ม MSC) โดยจะเปิดเพิ่มอีก 1,000 สาขาในปี 2565
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 เพราะยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารซึ่งให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงที่ฟื้นตัว (ไม่มีการล็อกดาวน์) ยอดขายสินค้า Private Brand ซึ่งให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงที่เพิ่มขึ้น และการจัดโปรโมชันราคาและบริหารสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น จะมากเกินพอชดเชยต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น (0.9% ของยอดขาย)
ด้านกลุ่ม Non-MSC หลังจากเติบโต 28%YoY ใน 1Q65 (การเติบโตครึ่งหนึ่งเกิดจากปริมาณการขาย และที่เหลือเกิดจากการปรับราคาขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้น) BJC ตั้งเป้ายอดขายกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ (PSC) เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY ในปี 2565 โดยได้แรงหนุนจากการปรับราคาและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น (ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิล) ส่วนกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค (CSC) บริษัทตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น YoY ในปี 2565 โดยเกิดจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นกลุ่ม Non-MSC ในปี 2565 มีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบสูง (ต้นทุนโซดาแอชและอะลูมิเนียมในกลุ่ม PSC และต้นทุนเยื่อกระดาษ น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าวในกลุ่ม CSC)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BJC ปรับเพิ่มขึ้น 3.52%MoM สู่ระดับ 36.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลดลง 4.16%MoM อยู่ที่ระดับ 1,605.98 จุด
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2565:
SCBS คาดว่ากำไร 2Q65 จะเติบโต YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขาย และรายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นที่ฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
ส่วนกำไรปี 2565 คาดฟื้นตัว 46%YoY โดยยอดขายสาขาเดิม (SSS) และรายได้ค่าเช่าจะฟื้นตัวจากฐานต่ำที่มีสาเหตุมาจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ และคำสั่งล็อกดาวน์
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือสถานการณ์โควิดเลวร้ายลง ซึ่งจะส่งผลทำให้รัฐบาลนำข้อจำกัดต่างๆ กลับมาใช้อีกครั้ง
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP