Bloomberg รายงานว่า Mark Mobius (มาร์ก โมเบียส) ผู้ก่อตั้งบริษัท Mobius Capital Partners กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศจีนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID ภายในสิ้นปี 2022 เพื่อช่วยเหลือปัจจัยทางเศรษฐกิจที่กำลังประสบปัญหาหนักให้เดินหน้าต่อไปได้ รวมถึงรัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินอย่างมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘มาร์ก โมเบียส’ มองจีนโอกาสลงทุนชั้นดี ท่ามกลางวิกฤตตึงเครียดยูเครน
- ข่าวร้ายเต็มตลาด! มาร์ก โมเบียส เชื่อว่า Bitcoin ยังไม่ถึงจุดต่ำสุด ขณะที่จีนออกโรงเตือนว่าราคาจะลงไปเหลือศูนย์
- ‘มาร์ก โมเบียส’ มองตลาดหุ้นอินเดียโดดเด่นสุดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ชูจุดเด่นแต่ละรัฐมีธุรกิจผลักดันการโตก้าวกระโดด
ทั้งนี้ ยังเป็นเรื่องที่คาดการณ์ยาก เพราะต้องขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ว่าจะเริ่มใช้แนวทางการผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID ปี 2022 หรือไม่ โดยที่ผ่านมาคนจีนไม่ได้มีชีวิตอยู่กับโควิด แต่ใช้ชีวิตอยู่กับนโยบาย Zero-COVID เสียมากกว่า ซึ่งผู้นำประเทศยังคงยืนหยัดการใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดผ่านมาตรการล็อกดาวน์
ขณะที่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ที่เพิ่งจบลงเมื่อไม่นานมานี้ แทบไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจีนจะยุตินโยบาย Zero-COVID เร็วแค่ไหน หลังจากนโยบายดังกล่าวได้ขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจและทำให้ห่วงโซ่อุปทานโลกหยุดชะงัก
แน่นอนว่าจีนซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก และมีประชากร 20 ล้านคน ต้องเผชิญกับการล็อกดาวน์แบบกะทันหันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแทบจะไม่มีการแจ้งเตือนให้เตรียมตัวล่วงหน้า ทำให้ต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันต่างๆ ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ด้านนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ในปี 2022 เศรษฐกิจจีนจะเติบโตเพียง 3.3% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งเป้าเอาไว้เมื่อช่วงต้นปีที่ต้องการเติบโต 5.5% และมีการขาดดุลงบประมาณทางการค้าแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอยู่ท่ามกลางการชะลอตัว
พร้อมกันนี้ แอนโทนี หว่อง หัวหน้าผู้จัดการกองทุน All China Equity Fund มูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ Allianz Global Investors ออกมาแสดงความคิดเห็นเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความคาดหวังให้จีนจะเปิดประเทศภายใน 6 เดือนข้างหน้านี้
สุดท้าย โมเบียสบอกว่าเขามีมุมมองเชิงลบต่อจีนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ให้อำนาจควบคุมกับผู้นำอย่างประธานาธิบดีสีจิ้นผิง และเริ่มกังวลว่าจีนจะกดดันภาคเอกชนให้หันมาสนับสนุนองค์กรที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแนวทางเศรษฐกิจต่อไป
อ้างอิง: