มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมการประชุมหารือระหว่างสมาชิกกลุ่ม BRICS กับประเทศกำลังพัฒนา ที่เมืองนิจนีนอฟโกรอดของรัสเซีย ถึงเหตุผลที่ไทยต้องการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ว่า เป็นกลุ่มประเทศตลาดใหม่ซึ่งมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจสูง และมีศักยภาพในการผลักดันให้ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายมีบทบาทมากขึ้นในการกำหนดทิศทางของโลก ไทยมองว่าถ้าเราจะสามารถเป็นสมาชิกและร่วมทำงานกับกลุ่มประเทศ BRICS บทบาทของประเทศไทยจะชัดเจนมากขึ้น และจะปกป้องผลประโยชน์ของไทยทั้งในฐานะประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ได้
เมื่อถามว่า ไทยได้อะไรจากการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่า “ที่สำคัญที่สุดคือเราได้ประกาศตัวเองและแสดงเจตจำนงที่จะเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศ BRICS เราไม่ได้มองการเข้าเป็นสมาชิก BRICS ว่าเป็นการเลือกข้าง หรือมองว่า BRICS เป็นการรวมกลุ่มที่จะไปคานอำนาจใคร”
ขณะที่เขายืนยันว่า รัฐบาลไทยได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และ BRICS เพราะต้องการทำให้ประเทศไทยมีบทบาทมากขึ้น และต้องการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทย เพื่อให้สามารถมีบทบาทร่วมกับประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้ว ในการชี้นำหรือวางแนวทางการพัฒนาของประชาคมโลกต่อไป เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและเสมอภาค ไม่ว่าจะกับประเทศพัฒนาแล้วหรือประเทศกำลังพัฒนา พร้อมย้ำนโยบายสำคัญของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน คือการที่ไทยจะมีบทบาทนำและเป็นผู้เล่นหลักในกลุ่มต่างๆ และในการแก้ไขปัญหาของโลกในทุกๆ ด้าน
“ไทยมีลักษณะพิเศษคือเราเป็นมิตรกับทุกประเทศ และไม่เป็นศัตรูของใคร เราสามารถเป็นสะพานเชื่อมกับประเทศกำลังพัฒนา กับประเทศสมาชิก BRICS และยังช่วยเชื่อม BRICS เข้ากับกลุ่มอื่นๆ ซึ่งจะช่วยทำให้ประเทศสมาชิก BRICS มีพลังมากขึ้นในการเจรจาต่อรอง เพื่อให้ประชาคมโลกได้เห็นความสำคัญของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเกิดใหม่”
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังไทยแสดงความจำนงที่จะเข้าเป็นสมาชิก BRICS และ OECD ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่า ผลตอบรับดีมาก และเผยว่าทุกประเทศที่ได้พบยืนยันให้การสนับสนุนกับไทยเป็นลำดับต้นๆ และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และศักยภาพที่เป็นมิตรกับทุกประเทศ ทำให้เราค่อนข้างอยู่ในสถานะที่ดีมากกว่าประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ
นอกจากการเข้าไปร่วมกับประชาคม BRICS แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศชี้ว่า ไทยยังได้ประโยชน์อย่างมหาศาลในเรื่องทวิภาคี โดยประเทศอื่นๆ ที่ได้พูดคุยบอกว่า เขายังอยากทำงานกับไทยในกรอบพหุภาคีด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เห็นได้ว่าความร่วมมือทวิภาคีผลักดันให้เรามีสิทธิ์มีเสียงมากยิ่งขึ้น และเมื่อเสริมกับกลุ่มพหุภาคีที่เป็นเพื่อนเราก็จะทำให้พลังตรงนี้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่จะผลักดันนโยบายที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศไทยกับประเทศสมาชิกในทิศทางที่ถูกต้อง และจะทำให้ได้รับความยุติธรรม รวมถึงได้รับการยอมรับจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วมากยิ่งขึ้น
อ้างอิง:
- กระทรวงการต่างประเทศ