×

แมนนี ปาเกียว กับการขึ้นสังเวียนใหญ่ ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์

21.09.2021
  • LOADING...
Manny Pacquiao

บนสังเวียนผืนผ้าใบ ไม่มีใครในโลกที่ไม่รู้จัก ‘แพ็กแมน’ แมนนี ปาเกียว ยอดนักชกชาวตากาล็อก นักมวยระดับ ‘ไอคอน’ ของโลก ที่ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว

 

ปาเกียวคือนักชกคนเดียวในโลกที่เป็นเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกถึง 8 รุ่น ตลอดระยะเวลา 26 ปี ผ่านช่วงเวลา 4 ทศวรรษ (1990-2020s) เป็นนักมวยที่อายุมากที่สุดที่ได้ครองเข็มขัดแชมป์โลกในรุ่นเวลเทอร์เวตด้วยวัย 40 ปี และยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ถูกบันทึกและจดจำไว้

 

แต่วันนี้กำปั้นเหล็กผู้นี้ได้พูดในรายการ Toni Talks รายการทอล์กโชว์ชื่อดัง ว่า “ชีวิตการเป็นนักมวยของผมสิ้นสุดแล้ว มันจบลงเพราะผมชกมวยมานานแล้ว และครอบครัวของผมบอกว่าควรจะพอได้แล้ว” ซึ่งแม้ว่าจะมีการออกมาปฏิเสธจาก ฌอน กิบบอนส์ หัวหน้าทีมโปรโมเตอร์ของเขา ว่า ปาเกียวยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับอนาคตในการชกมวยว่าจะมีการชกอีกเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่

 

สิ่งที่ชัดเจนและสำคัญมากกว่าคือ เวลานี้หัวใจของปาเกียวไม่ได้อยู่ที่การขึ้นสังเวียนผืนผ้าใบแล้ว แต่เขาต้องการที่จะขึ้นสังเวียนการเมืองในระดับสูงสุด ในฐานะผู้สมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ที่จะมีขึ้นในปีหน้า

 

“ผมเป็นนักสู้และไม่ว่าจะบนสังเวียนหรือที่ไหนผมก็ยังเป็นนักสู้คนเดิม” ปาเกียวกล่าว หลังจากที่ยอมรับที่จะเป็นตัวแทนของพรรค PDP-Laban ที่จะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี “เราต้องการรัฐบาลที่จะรับใช้ประชาชนด้วยความซื่อสัตย์ ความการุณย์ และโปร่งใส”

 

แต่ถึงจะเป็นนักกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุด เป็นคนในดวงใจของชาวฟิลิปิโน การขึ้นสังเวียนใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ไม่ใช่งานที่ง่ายเลยสำหรับปาเกียว

 

แชมป์โลกที่อยากเป็นประธานาธิบดี

เอ็มมานูเอล หรือ ‘แมนนี’ ปาเกียว ไม่ใช่เด็กหน้าใหม่ในแวดวงการเมืองของฟิลิปปินส์ ในทางตรงกันข้าม นักชกผู้นี้กระโดดเข้าสู่วงการการเมืองมาได้หลายปีแล้วในบทบาทของวุฒิสมาชิกผู้ทรงเกียรติ

 

และเป็นที่รู้กันว่าความปรารถนาลึกๆ ในใจของเขานั้นอยู่ที่การจะมีโอกาสได้เป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์

 

ครั้งหนึ่งปาเกียวเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้แบบอ้อมๆ ว่า “ผมไม่ได้เป็นนักมวยที่จะพอใจแค่ขึ้นชก 4 ยก หรือ 10 ยก ผมชกเพื่อจะเป็นแชมป์โลก สำหรับนักการเมืองทุกคนก็คงมีความฝันที่อยากจะเป็นประธานาธิบดีทั้งนั้น”

 

ที่เขาอยากเป็นผู้นำประเทศนั้นเป็นเพราะว่า ปาเกียวมีชีวิตที่ยากลำบากตั้งแต่เกิดและเติบโตมา ตลอดชีวิตผ่านอะไรมามากมาย สู้กับหลายสิ่งหลายอย่างกว่าที่จะก้าวมาอยู่ในจุดที่กลายเป็นบุคคลสำคัญของประเทศและของโลก

 

ปาเกียวมีใจปรารถนาอยากช่วยผู้คนที่ยากไร้เสมอ และในความคิดของเขา วิธีที่ดีที่สุดคือการเป็นคนสั่งการ นั่นหมายถึงการเป็นประธานาธิบดี

 

คนที่บอกเรื่องข้างต้นไม่ใช่ใครแต่เป็น เฟรดดี โรช ยอดโค้ชคู่บุญ ซึ่งมีความมั่นใจว่าปาเกียวมีโอกาสที่จะเป็นนักมวยแชมป์โลกคนแรกที่ได้เป็นประธานาธิบดี

 

 

เวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยง

สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างการขึ้นชกมวยกับการเป็นนักการเมืองเต็มตัวคือ การที่ปาเกียวจะไม่มียอดโค้ชอย่างโรชเป็นพี่เลี้ยง และทีมงานคู่ใจอีกมากมายที่คอยดูแลเขาอย่างดีที่สุดในสิ่งที่เขาเองก็รู้จักมันดีที่สุด

 

โลกของการเมืองเป็นสิ่งที่เขายังมีประสบการณ์ไม่มากนัก และที่ผ่านมาในฐานะวุฒิสมาชิกเอง ปาเกียวก็ไม่ได้ถือว่าทำหน้าที่ดีนัก

 

ตามการเปิดเผยจาก Asia Times ปาเกียวเป็นวุฒิสมาชิกที่ ‘โดดประชุมสภา’ บ่อยที่สุด เพราะมักจะติดภารกิจอะไรสักอย่างเสมอ ไม่ชกมวยก็จะต้องไปร้องเพลง

 

หรือหากเข้าประชุม ปาเกียวก็มักจะโดนนักการเมืองคนอื่น ‘สอนมวย’ เกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานของกระบวนการนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนกังวลว่านักชกผู้นี้มีความมุ่งมั่นตั้งใจหรือพร้อมแค่ไหนสำหรับการทำหน้าที่ในฐานะนักการเมืองจริงๆ

 

ไม่นับเรื่องที่เคยพูดถึงคนรักร่วมเพศเมื่อปี 2016 อย่างไม่เหมาะสม จนกลายเป็นประเด็นเดือดถึงขั้นที่ Nike ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุนเลยทีเดียว

 

เรียกได้ว่าถึงจะเป็นนักชกขวัญใจมหาชน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถเอาชนะการเลือกตั้งระดับประเทศได้ง่ายๆ ยังมีสิ่งที่ปาเกียวต้องเตรียมตัวอีกมาก โดยเฉพาะกับการต่อสู้กับฝั่งของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต ที่ครั้งหนึ่งเคยสนิทสนมกันมาก่อน แต่เริ่มมีการโจมตีกันทางการเมือง ซึ่งชั้นเชิงของฝั่งคู่ต่อสู้นั้นเหนือกว่ามาก

 

ไม่ต่างอะไรจากการขึ้นชกมวยที่เขาทำมาตลอดชีวิตเลย

 

คู่แข่งและแผนการ

สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในปี 2022 นั้น ขณะนี้นอกจากปาเกียวแล้ว มีผู้ที่ประกาศจะลงสมัครแล้วแค่คนเดียวคือ วุฒิสมาชิก แพนฟิโล แล็กสัน แต่มีโอกาสสูงที่เขาจะต้องเจอกับคู่แข่งที่น่ากลัวอีก 2 คนด้วยกัน

 

หนึ่งในนั้นจะเป็นฝ่ายของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต ซึ่งจะไม่สามารถดำรงตำแหน่งอีกสมัยได้ เนื่องจากมีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่าจะอยู่ในตำแหน่งได้เพียง 6 ปี แต่ต้องการจะสืบทอดตำแหน่งผ่าน ‘ตัวแทน’

 

คนแรกที่ได้รับการทาบทามคือ คริสโตเฟอร์ ‘บอง’ โก วุฒิสมาชิกที่ถูกพิจารณาว่ามีความเหมาะสมพร้อมทุกด้านและเป็นคนที่ดูเตร์เตไว้ใจ

 

โดยที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งภาพลักษณ์และคะแนนนิยมตกต่ำลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาจากปัญหาการรับมือโควิด และการทำสงครามกับผู้ค้ายาเสพติดจนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30,000 คน รวมทั้งปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นจุดสลบที่ปาเกียวสาวหมัดใส่ไม่ยั้งในช่วงที่ผ่านมา จะขอลงสมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีแทน

 

เพียงแต่โกได้ปฏิเสธโอกาสที่จะได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยยืนยันว่า เขาต้องการที่จะรับใช้ประชาชนเท่านั้น ทำให้คนที่อาจจะขึ้นมาแทนคือ ซารา ดูเตร์เต บุตรสาวของประธานาธิบดี ที่หากซาราลงสมัครจริง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีอีก

 

ส่วนอีกคนที่ถูกจับตามองอยู่คือ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์​ หรือ ‘บองบอง’ บุตรชายของอดีตประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ซึ่งล่าสุดได้รับการทาบทามจากพรรคพีเอฟพีให้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งยังไม่มีการตอบตกลงแต่อย่างใด

 

ทั้งนี้ ปาเกียวยังมีสิ่งที่ต้องจัดการอีกมาก เช่น การหาผู้สนับสนุนทางการเงินในการรณรงค์หาเสียง ซึ่งจะต้องรวมถึงกลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มก้อนทางการเมืองต่างๆ ที่นอกเหนือจากพรรคของเขา

 

อีกส่วนที่จะช่วยได้คือ การจับคู่กับคนที่จะช่วยประคองเขาในการขึ้นเวทีครั้งนี้ โดยคนที่ถูกจับตามองคือ ผู้ว่าการเมืองมะนิลาอย่าง ฟรานซิสโก ‘อิสโก’ โมเรโน โดมาโกโซ ซึ่งในได้รับผลสำรวจคะแนนนิยมจากชาวฟิลิปปินส์ในตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่สูงกว่าปาเกียวด้วยซ้ำ

 

หากเขาสามารถจับคู่กับโดมาโกโซได้ หานายทุนหนุนหลังได้ และเตรียมตัวดีมากพอที่จะทำให้ชาวฟิลิปิโนเชื่อว่า นักมวยคนนี้จะสามารถช่วยทำให้ชีวิตของพวกเขาทุกคนดีขึ้นได้จริง ก็มีโอกาสที่เราจะได้เห็นนักมวยแชมป์โลกคนแรกที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศจริงๆ

 

หมายเหตุ: จอร์จ เวอาห์ อดีตนักฟุตบอลผิวดำคนแรกที่ได้รางวัลลูกฟุตบอลทองคำในปี 1995 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีประเทศไลบีเรียมาตั้งแต่ปี 2018  

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising