×

MAKRO – การดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นตามคาดใน 2Q66TD

29.05.2023
  • LOADING...
หุ้น MAKRO

เกิดอะไรขึ้น:

เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนให้ยอดขายสาขา (SSS) บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) ใน 2Q66TD เติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับสูง YoY ในธุรกิจ B2B และอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ YoY ในธุรกิจ B2C ทั้งนี้ในปี 2566 MAKRO วางแผนเปิดสาขาใหม่ 12 สาขาในประเทศไทย และอย่างน้อย 2 สาขาในต่างประเทศ สำหรับธุรกิจ B2B และเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ต 3-4 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 5 สาขา และ Go Fresh 100-150 สาขาในประเทศไทย และซูเปอร์มาร์เก็ต 14 สาขาในมาเลเซีย สำหรับธุรกิจ B2C

 

มาร์จิ้นของธุรกิจ B2B MAKRO คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอีก YoY จากการมียอดขายสินค้ากลุ่มอาหารสดและ Private Brand ที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้น มาร์จิ้นของธุรกิจ B2C มีแนวโน้มที่จะทำจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q66 และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป QoQ ในช่วงที่เหลือของปีนี้จากต่อรองกับซัพพลายเออร์และ Synergy กับธุรกิจ B2B ที่มีมากขึ้น แม้ว่าจะยังคงอ่อนตัวลง YoY จากการแข่งขัน 

 

ทั้งนี้จาก Synergy ที่ตั้งเป้าไว้ทั้งหมด 2.7 พันล้านบาทนั้น บริษัทรับรู้ไปแล้ว 1.5 พันล้านบาทในปี 2565 และอีก 1.2 พันล้านบาทจะรับรู้ในปี 2566 (รับรู้ไปแล้ว 200 ล้านบาทใน 1Q66) ในปี 2566 MAKRO คาดว่าจะสามารถควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายในงบการเงินรวม 

 

โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายในธุรกิจ B2C ที่ลดลงจากฐานสูงของปีก่อนจากค่าใช้จ่ายในการรีแบรนด์ร้านและ IT จะถูกชดเชยด้วยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายในธุรกิจ B2B ที่สูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขยายสาขาและธุรกิจ O2O ที่เพิ่มขึ้น

 

ส่วนการรีไฟแนนซ์หนี้ หลังจากบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (MAKRO ถือหุ้น 99.9%) ได้ออกหุ้นกู้มูลค่า 3.15 หมื่นล้านบาท ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 3.35% ต่อปี เมื่อวันที่ 21 เมษายน MAKRO นำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปชำระหนี้เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐและบาทที่มีต้นทุนสูงสำหรับ Lotus’s แล้ว ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง และจะช่วยขจัดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ยจากเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ 2Q66 เป็นต้นไป ซึ่งประเมินได้ว่า MAKRO จะประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย (หลังภาษี) ได้ราว 660 ล้านบาทต่อปี (ช่วยหนุนให้กำไรเติบโต 8% จากฐานกำไรปี 2565)

 

นอกจากนี้ เรื่องผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาล เมื่อพิจารณานโยบายค่าแรงและค่าไฟฟ้าของพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง InnovestX Research ประเมินว่าผลกระทบต่อกำไรของ MAKRO จะมีจำกัด เนื่องจากกำไรที่จะลดลง 1 พันล้านบาทต่อปีจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะถูกชดเชยโดยกำไรที่จะเพิ่มขึ้น 800 ล้านบาทต่อปีจากการลดค่า Ft โดยที่ยังไม่รวมยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากกำลังซื้อที่สูงขึ้นของกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ 

 

สำหรับนโยบายหวยใบเสร็จซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายของผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งคาดว่าผลบวกเล็กน้อยต่อยอดขายธุรกิจ B2B จะถูกหักล้างโดยผลลบเล็กน้อยต่อยอดขายธุรกิจ B2C ในขณะที่จะต้องติดตามประเด็นการยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมต่อไป

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น MAKRO ปรับเพิ่มขึ้น 7.38%MoM อยู่ที่ 40.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.85%MoM อยู่ที่ระดับ 1,530.84 จุด

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:

InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติ 2Q66 จะเติบโต YoY โดยเกิดจากยอดขายปลีก (SSS เติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับสูง YoY สำหรับธุรกิจ B2B และอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ YoY สำหรับธุรกิจ B2C ใน 2Q66TD) และรายได้ค่าเช่าที่ดีขึ้น แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล

 

ขณะที่คาดว่ากำไรปกติปี 2566 จะเติบโต โดยเกิดจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น และการผนึกกำลังทางธุรกิจมากขึ้น โดยกำไรจะดีขึ้น HoH และ YoY ใน 2H66 เพราะค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จในช่วงปลายเดือนเมษายน

 

ทั้งนี้ การนำหุ้น MAKRO เข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Standard Indexes โดยมีผลบังคับใช้ราคาปิดวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ เป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ดี กลยุทธ์การลงทุนยังคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ MAKRO ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 46 บาทต่อหุ้น

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายของรัฐบาลใหม่

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising