×

‘เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์’ แจ้งกำไรไตรมาส 2 ปีนี้ 532 ล้านบาท โต 306% รับทรัพย์ก้อนใหญ่ขายหุ้น MPIC ทุ่ม 600 ล้านบาท เพิ่มโรงหนังใหม่อีก 8 สาขา

12.08.2023
  • LOADING...
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์

‘เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์’ ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 532 ล้านบาท โตขึ้น 306% หลังลูกค้ากลับเข้ามาดูหนังเพิ่มขึ้นหลังโควิดคลี่คลาย บวกธุรกิจใหม่ขายป๊อปคอร์นช่วยดันรายได้ และรับกำไรพิเศษจากการขายหุ้น MPIC

 

ฐิตาภัสร์ อิสราพรพัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและบัญชี บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/66 ของบริษัทมีกำไร 532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 306% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และทำรายได้รวม 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ซึ่งผลประกอบการในไตรมาส 2/66 ที่เติบโตขึ้น มาจากรายได้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ 1,178 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจป๊อปคอร์น (Concession) 654 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณา 244 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจโบว์ลิ่ง 102 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจพื้นที่เช่า 63 ล้านบาท, รายได้จาก Movie Content 42 ล้านบาท ซึ่งทุกธุรกิจเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งยังรับรู้รายการพิเศษจากกำไรจากการขายหุ้นของ บมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ หรือ MPIC จำนวน 346 ล้านบาท 

 

ครึ่งแรกปีนี้โกยกำไร 603 ล้านบาท โต 288%

 

สำหรับภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2566 บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีรายได้ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% และมีกำไรสุทธิรวม 603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 288% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565 มาจากรายได้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ 1,945 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจป๊อปคอร์น 1,088 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณา 435 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจโบว์ลิ่ง 198 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจพื้นที่เช่า 125 ล้านบาท และรายได้จาก Movie Content 83 ล้านบาท เป็นผลจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของธุรกิจหลังจากการคลี่คลายของโควิด ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการดูหนังในโรงหนังเพิ่มมากขึ้นและกลับมาคึกคักเหมือนช่วงก่อนโควิด ประกอบกับในช่วงครึ่งปีแรกมีหนังฮอลลีวูดที่ได้รับความสนใจเข้าฉายหลายเรื่องและทำรายได้ได้ดีต่อเนื่อง 

 

สำหรับในปี 2566 มีหนังต่างประเทศเข้าฉาย 199 เรื่อง หนังไทยเข้าฉาย 50 เรื่อง ซึ่งนอกจากมีหนังฮอลลีวูดแล้ว หนังไทยก็เป็นอีกจุดขายสำคัญที่ทำให้ลูกค้ากลับมาดูหนังมากขึ้น ปัจจุบันสัดส่วนรายได้หนังไทยอยู่ที่ 27% และหนังต่างประเทศ 73%  

 

ทุ่มงบ 600 ล้านบาท ลงทุนโรงหนังใหม่ 8 สาขา

 

นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับพันธมิตรมาช่วยผลิตหนังไทยป้อนสู่ตลาด ปีหน้าคือปีที่โดดเด่นของหนังไทย มีพาร์ตเนอร์มา Synergy มากขึ้น จะช่วยผลักดันให้เป้าหมายการเติบโตของตลาดหนังไทยเติบโตได้เร็วขึ้น ในส่วนของกลุ่มเมเจอร์ตั้งเป้าหมายผลิตหนังไทยเข้าฉายให้ได้ปีละ 20 เรื่อง และยังส่งขายลิขสิทธิ์หนังไทยให้กับทาง Netflix, Amazon, Prime และสตรีมมิงเจ้าอื่นๆ

 

ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดหนังไทย เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็น Tollywood จึงได้ตั้งเป้าปักหมุดขยายโรงหนังเพิ่มให้ครบ 1,200 โรง ภายในปี 2573 ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ในปี 2566 เดินหน้าขยายสาขาโรงภาพยนตร์ 8 สาขา 40 โรง ด้วยงบลงทุน 600 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีสาขาโรงภาพยนตร์ที่เปิดให้บริการรวมทั้งสิ้น 178 สาขา 825 โรง แบ่งเป็นในประเทศ 169 สาขา 779 โรง และต่างประเทศ 9 สาขา 46 โรง

          

สำหรับ New Business คือการจำหน่ายป๊อปคอร์นที่มีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ในช่วงโควิด และปัจจุบันยังเห็นโอกาสการเติบโตอย่างชัดเจน โดยมีตัวเลขการเติบโตของรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถซื้อได้จากการขยายช่องทางการขายทั้งภายในโรงหนัง (In Cinema) และนอกโรงหนัง (Out Cinema) ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของธุรกิจจำหน่ายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม เมื่อเทียบกับรายได้ตั๋วหนังอยู่ที่ 64% โดยตั้งเป้ารายได้ของธุรกิจป๊อปคอร์นให้เติบโตเท่ากับรายได้ตั๋วหนัง ล่าสุดจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านร้าน 7-Eleven ปลายเดือนกันยายนนี้

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising