×

‘มาครง-ปูติน’ เห็นพ้องดำเนินการทูตแก้วิกฤตการณ์ยูเครน ขณะ ปธน.ยูเครนเรียกร้องหยุดยิง และ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ ไบเดนพร้อมพบปูติน ‘ทุกเมื่อ’ เพื่อป้องกันสงคราม

21.02.2022
  • LOADING...
วิกฤตการณ์ยูเครน

หลังการพูดคุยทางโทรศัพท์ยาวนาน 105 นาที ระหว่าง เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ทั้งคู่ตกลงที่จะทำงานเพื่อนำไปสู่การหยุดยิงในยูเครนตะวันออก

 

พวกเขายังเห็นพ้องเกี่ยวกับ “ความจำเป็นในการแก้ปัญหาทางการทูตสำหรับวิกฤตที่กำลังดำเนินอยู่ และทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย” ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุ พร้อมเสริมว่า ฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส และเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียจะพบกัน ‘ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า’ (ซึ่งล่าสุด AFP รายงานว่าทั้งสองจะพูดคุยกันทางโทรศัพท์ในวันจันทร์)

 

ปูตินและมาครงกล่าวว่าพวกเขาจะทำงาน ‘อย่างเข้มข้น’ เพื่อให้กลุ่มสามฝ่ายที่มีชื่อว่า Trilateral Contact Group ซึ่งรวมถึงยูเครน รัสเซีย และองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ได้พบกัน “ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดตกลงหยุดยิงที่แนวปะทะ” ในยูเครนตะวันออกที่กองกำลังของรัฐบาลและผู้แบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียกำลังเผชิญหน้ากัน

 

ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุว่า “งานทางการทูตที่เข้มข้นจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” และมีการปรึกษาหารือที่จะเกิดขึ้นหลายครั้งในเมืองหลวงของฝรั่งเศสด้วย

 

มาครงและปูตินยังเห็นพ้องกันว่า การเจรจาระหว่างรัสเซีย ยูเครน ฝรั่งเศส และเยอรมนี ควรกลับมาดำเนินการอีกครั้งตามข้อตกลงมินสก์ (Minsk Protocol) ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2014 และว่าด้วยการหยุดยิงในยูเครนตะวันออก และทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะทำงานเพื่อ “การประชุมระดับสูง โดยมีเป้าหมายเพื่อกำหนดระเบียบด้านสันติภาพและความมั่นคงใหม่ในยุโรป”

 

ขณะที่ฝั่งรัสเซียก็แถลงเช่นกัน โดยทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแถลงว่า ปูตินได้ตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุของการยกระดับความตึงเครียดดังกล่าวเกิดจากการยั่วยุโดยกองกำลังความมั่นคงของยูเครน แถลงการณ์ของฝั่งรัสเซียยังเสริมว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการจัดหาอาวุธและกระสุนโดยกลุ่มประเทศ NATO ไปยังยูเครน ซึ่งรัสเซียกล่าวว่าประเด็นนี้กำลังผลักดันให้ยูเครนมุ่งสู่ ‘ทางออกด้านการทหาร’ ต่อกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของประเทศ

 

“ด้วยเหตุนี้ พลเรือน…ผู้ซึ่งต้องอพยพไปยังรัสเซียเพื่อหนีภัยจากกระสุนปืนใหญ่ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ต้องทนทุกข์ทรมาน” แถลงการณ์จากทำเนียบประธานาธิบดีระบุ และมีอีกตอนหนึ่งที่ระบุว่า “ประธานาธิบดีทั้งสองเชื่อว่าการกระชับความพยายามในการหาทางแก้ไขด้วยวิธีการทางการทูตเป็นสิ่งสำคัญ”

 

และแม้จะกล่าวถึงการเห็นชอบในความพยายามของบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศและตัวแทนจากรัสเซีย ยูเครน ฝรั่งเศส และเยอรมนี ซึ่งประกอบกันเป็นกลุ่มการเจรจานอร์มังดี แต่ปูตินก็ “ย้ำถึงความจำเป็นที่สหรัฐฯ และ NATO จะดำเนินการตามข้อเรียกร้องของรัสเซียในการรับประกันความมั่นคงอย่างจริงจัง” โดยปูตินบอกกับมาครงว่า ชาติตะวันตกควรให้การตอบสนองอย่างเป็นรูปธรรม และคำนึงถึงทุกประเด็นต่อข้อเรียกร้องอันกว้างขวางซึ่งระบุโดยรัสเซียเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เพื่อจำกัดบทบาทของชาติตะวันตกในยุโรปตะวันออกและประเทศอดีตสหภาพโซเวียตด้วย

 

ขณะที่ฝั่ง โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครนก็เรียกร้องให้หยุดยิงทันทีเช่นกัน และเริ่มต้นการเจรจาอีกครั้งภายใต้ Trilateral Contact Group ของรัสเซีย ยูเครน และองค์กรเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE)

 

“เรายืนหยัดเพื่อทำให้กระบวนการสันติภาพเข้มข้นขึ้น” เขาทวีต พร้อมเสริมว่าเขาได้แจ้งมาครงเกี่ยวกับ ‘การระดมยิงยั่วยุครั้งใหม่’ ในแนวหน้าระหว่างกองกำลังยูเครนกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย

 

ปิดท้ายที่สหรัฐอเมริกา แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุผ่านสื่อสหรัฐฯ ว่าโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังปรารถนาที่จะพบผู้นำรัสเซีย ‘ทุกเมื่อ’ เพื่อป้องกันสงครามในยูเครน แต่ก็ยังชี้ว่าทุกสิ่งที่เห็นบ่งชี้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรง และกำลังอยู่ในจุดที่ใกล้จะเกิดการบุกยูเครนแล้ว

 

“แต่จนกว่ารถถังจะกำลังเคลื่อน และเครื่องบินกำลังบินจริงๆ เราจะใช้ทุกโอกาสและทุกนาทีที่เรามี เพื่อดูว่าการทูตยังสามารถห้ามประธานาธิบดีปูตินไม่ให้ดำเนินการสิ่งนี้ได้หรือไม่” บลิงเคนกล่าว

 

และล่าสุด ณ เวลา 23.00 น. ตามเวลาไทย AFP รายงานว่ามาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส, ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี มีกำหนดปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน ‘ในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า’

 

ภาพ: Gonzalo Fuentes, Mikhail Klimentyev / POOL / SPUTNIK / AFP

 อ้างอิง: 

  • AFP
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising