ไม่ผิดนักหากจะบอกว่า LONGCHAMP (ลองฌองป์) เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ผู้ผลิตกระเป๋าจากฝรั่งเศสที่ทั้งคลาสสิกและโมเดิร์นในเวลาเดียวกัน ทั้งยังเป็นที่ต้องการจากผู้คนทั่วโลก ถูกใช้งานจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ดีไซน์และกระเป๋าของพวกเขาก็ไม่เคยตกยุคเลยแม้แต่น้อย

ขยายความคำว่า ‘คลาสสิก’ ในที่นี้สามารถเปรียบเปรยได้ว่า ดีไซน์กระเป๋าของพวกเขาไม่เคยดู ‘เก่าลงเลย’ ตัวอย่างเช่น โมเดล เลอ ปลิยาจ (Le Pliage) ที่ THE STANDARD POP เชื่อว่าคุณต้องมีติดบ้านและใช้งานเป็นประจำอย่างน้อยหนึ่งใบ ก็เป็นอีกรุ่นยอดนิยมตลอดกาลของ LONGCHAMP ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ใช้งานได้จริง มีคุณภาพคงทน แถมยังดูดี แฝงไว้ซึ่งการออกแบบที่ Timeless อีกต่างหาก

แต่เหนือสิ่งอื่นใด อีกหนึ่งคุณค่าที่ LONGCHAMP ให้ความสำคัญและใส่ใจมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 77 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่พวกเขาก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 1948 ก็คือแนวคิดด้าน ‘งานฝีมือที่ยอดเยี่ยม’ ซึ่งปรากฏให้เห็นผ่านการผลิตกระเป๋าของ LONGCHAMP ในทุกๆ ใบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘งานเครื่องหนัง’ ที่ LONGCHAMP พัฒนามาอย่างต่อเนื่องไม่แพ้กัน

โดยผลลัพธ์สำคัญที่ยืนยันถึงความแน่วแน่ในการคงไว้ซึ่งมาตรฐานการผลิตงานฝีมือชั้นสูงของ LONGCHAMP คือการที่พวกเขาได้รับตราสัญลักษณ์ Entreprise du Patrimoine Vivant (Living Heritage Company) จากรัฐบาลฝรั่งเศสในช่วงปี 2007 โดยที่รางวัลนี้คือรางวัลที่ฝรั่งเศสจะมอบให้กับธุรกิจที่มีมาตรฐานสูงสุดในด้านความเชี่ยวชาญของงานฝีมือเท่านั้น

อะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ LONGCHAMP ให้ความสำคัญกับคุณภาพงานฝีมือเช่นนี้?

‘MADE BY LONGCHAMP, THE ART OF SAVOIR-FAIRE’ เมื่อนิยามว่าผลิตโดย LONGCHAMP คือการันตีมาตรฐานงานฝีมือชั้นสูง

แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 7 ทศวรรษ แต่สิ่งที่ LONGCHAMP ยึดถือเสมอมาคือการให้ Value หรือคุณค่าในงานฝีมือที่ละเอียดลออ พิถีพิถัน ประณีต และใส่ใจในทุกๆ ดีเทลของการผลิต

นั่นจึงทำให้กระเป๋าหนังทุกใบของพวกเขา ดีไซน์ ตัดเย็บ และประกอบ โดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดและความลงตัวของวัสดุอย่างเต็มที่ในทุกๆ ใบ

จนถึงวันนี้ LONGCHAMP ก็ยังคงสืบสานงานฝีมือดั้งเดิมของครอบครัวมาอย่างเหนียวแน่น พิสูจน์ได้จากเวิร์กช็อปทั้ง 5 แห่งของพวกเขาในฝรั่งเศส ซึ่งตั้งอยู่ที่ Segré, Château-Gontier, Ernée, Pouzauges และ Rémalard

สถานที่เหล่านี้สะท้อนถึงมาตรฐานอันเข้มงวดในแบบฉบับ Made by LONGCHAMP ตั้งแต่ความพิถีพิถันในการตัดเย็บหนัง ไปจนถึงการประกอบกระเป๋าขึ้นมาในแต่ละใบ ทุกๆ ขั้นตอนดำเนินการด้วยความประณีตและแม่นยำ เพื่อให้มั่นใจถึงคุณภาพที่ไร้ที่ติ 

ดังนั้นข้อความ ‘Made by LONGCHAMP’ จึงเปรียบได้ดั่งเครื่องหมายการันตีคุณภาพ ความเชี่ยวชาญด้านงานฝีมืออย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นเสมือนความภาคภูมิใจในกระบวนการผลิตกระเป๋าของ LONGCHAMP ทุกใบ

สำหรับกระเป๋ารุ่นไอคอนิกอย่าง เลอ โฮโซ่ (Le Roseau) ที่หลายๆ คนชื่นชอบ และสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ ของ LONGCHAMP มานานกว่า 30 ปี ก็ถือเป็นอีกหนึ่งผลผลิตที่สามารถใช้นิยาม Made by LONGCHAMP ได้อย่างสง่าผ่าเผย

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ Christelle นักออกแบบแพตเทิร์นของ LONGCHAMP เปิดเผยว่า เลอ โฮโซ่ (Le Roseau) รุ่นใหม่สำหรับคอลเล็กชันฤดูร้อนปี 2025 ใช้ต้นแบบในการผลิตมากถึง 24 แบบ และต้องใช้เวลาหลายเดือนในการปรับแต่ง 

ซึ่งไม่ใช่แค่ได้รูปทรงที่ถูกต้องเท่านั้น แต่เธอยังต้องศึกษาวิธีการประกอบอีกด้วย และถึงแม้ว่าเธอจะทำงานให้กับแบรนด์ LONGCHAMP มานานกว่า 28 ปีแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังคงเก็บต้นแบบทุกดีไซน์ของตัวเองเอาไว้ เพื่อนำกลับมาดูและพัฒนากระเป๋าทุกรุ่นให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมออีกด้วย

ความเชี่ยวชาญด้านวัสดุหนัง กุญแจสำคัญสู่ความยั่งยืนโดย LONGCHAMP

ไม่เพียงแต่เป็นเลิศด้านกระบวนการผลิตที่ใส่ใจในทุกดีเทลแบบประณีตสุดๆ เท่านั้น เพราะ ‘วัสดุ’ และกระบวนการคัดสรรก็นับรวมเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ LONGCHAMP ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เริ่มตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกหนังที่ดีที่สุดมาใช้ในการผลิตกระเป๋าแต่ละใบ

ไปจนถึงโรงฟอกหนังที่แบรนด์ทำงานด้วยก็จะต้องผ่านการตรวจสอบโดย Leather Working Group องค์กรอิสระไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศตนเพื่อการผลิตเครื่องหนังที่ยั่งยืน นั่นจึงหมายความว่า หน่วยงานแห่งนี้ย่อมไม่ถูกแทรกแซง เพื่อให้สามารถตัดสินคุณภาพขั้นสูงของโรงฟอกหนังแห่งนั้นๆ ได้อย่างตรงไปตรงมา

และความใส่ใจนี้เองที่ทำให้ในปี 2023 LONGCHAMP ได้รับการรับรองว่า หนังที่พวกเขาใช้งานในการผลิตกระเป๋าในสัดส่วนมากถึง 79% อยู่ในสถานะ Gold ซึ่งเทียบเท่าสถานะสูงสุดในเชิงคุณภาพ โดยที่พวกเขายังเดินหน้าตั้งเป้ายกระดับสัดส่วนของหนังระดับ Gold ให้อยู่ในสัดส่วน 100% ให้ได้ในเร็วๆ นี้

เมื่อมาถึงกระบวนการผลิต ช่างตัดเย็บเครื่องหนังของ LONGCHAMP ที่รับผิดชอบหน้าที่ในส่วนนี้ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มีความชำนาญในระดับสูงแทบทั้งสิ้น เพื่อให้สามารถตัดเย็บกระเป๋าหนังของ LONGCHAMP ทุกใบ โดยคงไว้ซึ่งคาแรกเตอร์ความเป็นธรรมชาติของเครื่องหนังได้อย่างเต็มเปี่ยม ปรากฏผ่านทั้งความลึกและเท็กซ์เจอร์พื้นผิวของหนังแต่ละแผ่น โดยที่ช่างบางคนมีประสบการณ์การทำงานกับแบรนด์มานานกว่า 30 ปี 

Sandrine ผู้รับผิดชอบงานต้นแบบ กล่าวว่า “กระเป๋าทุกใบที่ออกจากที่นี่ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อให้เป็นสินค้าขายดี กระเป๋าเหล่านี้จึงมี 2 สิ่งที่เหมือนกัน นั่นคือสไตล์และคุณภาพ ไม่มีชิ้นงานใดที่ออกจากเวิร์กช็อปของเราโดยไม่ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด”

เมื่อเลือกใช้หนังคุณภาพดี กระเป๋าของ LONGCHAMP ทุกใบจึงมีความคงทน แข็งแรง มีอายุการใช้งานสูงมากเป็นทุนเดิม เพื่อให้กระเป๋าใบเก่งที่ทุกคนผูกพัน​และมีโมเมนต์ที่น่าประทับใจที่เกิดขึ้นเฉพาะช่วงเวลา (มรดกจากรุ่นสู่รุ่น, คุณแม่หรือคนสำคัญซื้อให้ หรือ LONGCHAMP ใบแรกในชีวิต) อยู่กับพวกคุณให้ได้นานที่สุด

อย่างไรก็ดี LONGCHAMP ยังจัดตั้งเวิร์กช็อปซ่อมแซมกระเป๋าควบคู่ไปกับการวางจำหน่ายสินค้า ซึ่งในแต่ละปี พวกเขาสามารถฟื้นฟูผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้มากถึง 60,000 ชิ้น!

Sylvie บุคลากรของ LONGCHAMP ที่ทำงานในแผนกบริการซ่อมแซมกระเป๋ามานานถึง 26 ปี เล่าว่า ความรู้สึกของการที่เธอได้ซ่อมแซมกระเป๋า LONGCHAMP แต่ละใบนั้น ไม่ต่างอะไรจากการที่เธอได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการคืนชีพเรื่องราวของกระเป๋าแต่ละใบที่ลูกค้าผูกพัน

“มันเป็นความรู้สึกที่มีค่ามาก เมื่อได้ซ่อมแซมกระเป๋าที่อยู่มาได้ยาวนานหลายสิบปี และบางครั้งก็ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น” Sylvie กล่าว

ไม่ใช่แค่ซ่อมแซมเพื่อยืด Lifespan ของกระเป๋า เพราะทุกเวิร์กช็อปต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างจริงใจ

อีกหนึ่งสิ่งที่ LONGCHAMP กล้าเปิดเผยได้อย่างภาคภูมิคือความใส่ใจและการตระหนักถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยที่พวกเขาสามารถลดการปล่อยคาร์บอนด้วยการปลูกต้นไม้จำนวน 12,500 ต้นรอบเวิร์กช็อป และยังส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพได้สำเร็จด้วยการอนุรักษ์เครือข่ายพุ่มไม้ที่หนาแน่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคตะวันตกของฝรั่งเศส 

โดยนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา แบรนด์ปลูกต้นไม้สายพันธุ์ใหม่ถึง 85 สายพันธุ์ รวมถึงสวนผลไม้แบบดั้งเดิม ทั้งยังนำแกะและรังผึ้งมาเสริมสมดุลทางสิ่งแวดล้อมรอบสถานที่ผลิตสินค้าของ LONGCHAMP อีกต่างหาก

นอกจากนี้ LONGCHAMP ยังนำแนวคิดนวัตกรรมการออกแบบต่อยอด (Architectural Solutions) มาใช้กับเวิร์กช็อปสายพานการผลิต โดยที่เวิร์กช็อปทุกแห่งจะถูกออกแบบขึ้นเพื่อใช้แสงสว่างจากธรรมชาติให้ได้มากที่สุด เพื่อลดความจำเป็นในการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟ 

มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้น เพื่อให้ในปลายทาง พวกเขาสามารถลดการปล่อยคาร์บอนลงอย่างมีนัยสำคัญ และเดินหน้าสู่เป้าหมายการผลิตกระเป๋า LONGCHAMP ทุกใบ โดยคงไว้ซึ่งคุณภาพการผลิต มาตรฐานวัสดุขั้นสูง พร้อมกับกระบวนการที่ใส่ใจถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอย่างแน่วแน่

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวจิตวิญญาณแห่ง Made by LONGCHAMP ที่นำเสนอโดย LONGCHAMP เพื่อให้ผู้ใช้งานและแฟนๆ มั่นใจได้ว่า กระเป๋าที่พวกคุณใช้งานทุกใบคือผลลัพธ์แห่งความประณีตและความใส่ใจในทุกมิติอย่างแท้จริง

#MadeByLongchamp
 #LongchampSavoirfaire