“คุณยายของผมเพิ่งเสียไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เขาทำอาหารเลี้ยงคนในครอบครัวจนวันสุดท้ายของเขาเลย” เจ้าของร้าน Lola’s Kitchen กล่าวกับเรา
ในภาษาฟิลิปปินส์ Lola แปลว่าคุณย่าหรือคุณยาย ด้วยความรักในการทำอาหารของคุณยายของเจ้าของร้านที่ทำอาหารให้ทุกคนในครอบครัวทุกวัน ทำให้เกิดเป็นร้าน Lola’s Kitchen ร้านอาหารฟิลิปปินส์ใจกลางกรุงเทพฯ ขึ้นมา
The Vibe
ระหว่างเดินบนถนนสุขุมวิทย่านพร้อมพงษ์ สีส้มสดใสของร้านอาหารสุขุมวิท Lola’s Kitchen และคำโปรยน่ารักๆ อย่าง Home of Filipino Delicacies ไม่มีทางพลาดสายตาของทุกคนไปได้อย่างแน่นอน
เมื่อเปิดประตูไม้บานเล็กเข้ามา เราจะเจอบรรยากาศอบอุ่นของแสงไฟสีส้ม เก้าอี้หวาย ลวดลายของโซฟา กระเบื้องที่ใช้ในร้าน ภาพเขียนแบบที่เห็นกันได้บ่อยๆ ในฟิลิปปินส์ ชั้นวางขนมปังหลากชนิด และตู้โชว์ขนมหวานที่ชวนให้เราไปเกาะดู
ร้านอาหารฟิลิปปินส์แห่งนี้มีทั้งหมดสองชั้น และมีโซนที่เป็นบาร์ ตกแต่งสไตล์ทรอปิคัลด้วยเครื่องสานและหวาย ด้วยความที่อยู่ใกล้กับสถานทูตฟิลิปปินส์ เราจึงสามารถเห็นชาวฟิลิปปินส์มานั่งกินอาหารกันตลอดเวลาทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น (และแทบทุกโต๊ะจะมีถ้วยไอศกรีมทรงสูงวางอยู่ ชวนให้เราสงสัยว่าหรือสิ่งนี้จะเป็นเมนูเด็ดที่ใครมาก็ต้องสั่ง)
ในยามเช้าเราจะเจอกับเมนูอาหารเช้าที่เสิร์ฟพิเศษเฉพาะเวลา 08.00-11.00 น. ประกอบด้วยเมนูข้าวและข้าวต้มแบบฟิลิปปินส์ ส่วนช่วงเย็นจะมีกิจกรรมและวงดนตรีสดหมุนเวียนมาเล่นกัน และมี Open Mic สำหรับคนที่อยากแสดงความสามารถในการร้องเพลงด้วย อย่างที่เรารู้กันดีว่าชาวฟิลิปปินส์แทบทุกคนร้องเพลงเก่งมาก เพราะฉะนั้นทุกบทเพลงที่เล่นในร้านนั้นสร้างความบันเทิงให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน
The Dishes
อาหารฟิลิปปินส์แทบทุกจานมีเรื่องราวและวัฒนธรรมซ่อนอยู่ในนั้น เพราะชาวฟิลิปปินส์นั้นยึดมั่นในการอุทิศกำลังใจให้กับอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอาหารจานนั้นๆ ว่ากว่าจะได้วัตถุดิบแต่ละอย่างมานั้นไม่ง่าย ไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวสวน คนเลี้ยงสัตว์ ทุกคนต่างได้รับการยกย่องและนึกถึงเสมอ
ดังที่ป้ายหน้าร้านบอกกับเราว่าที่นี่คือ Home of Filipino Delicacies ร้านอาหารฟิลิปปินส์แห่งนี้จึงเน้นเสิร์ฟเมนูสไตล์โฮมคุกและคอมฟอร์ตฟู้ดที่ชวนให้ชาวฟิลิปปินส์ไกลบ้านหวนคิดถึงบ้านขึ้นมา แม้ว่าการปรุงอาหารของแต่ละบ้านจะไม่เหมือนกัน ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดคือแกงส้มของภาคกลางจะมีสีส้มและมีความใส แต่แกงส้มของภาคใต้จะมีสีออกเหลืองและมีความข้นจากเนื้อปลา ทางร้านก็พยายามทำรสชาติให้ออกมากลางๆ เพื่อให้ชาวฟิลิปปินส์จากทุกภูมิภาคสามารถอิ่มเอมหัวใจกันได้
อาหารฟิลิปปินส์นั้นมีความคล้ายกับอาหารไทยอยู่หลายส่วน ทั้งเครื่องเทศ รสชาติ และการกินกับข้าวพร้อมข้าวสวย ก่อนจะไปแนะนำในส่วนของกับข้าว เราขอแนะนำ ‘Java Rice’ หรือข้าวเครื่องเทศที่ชื่อว่า Annatto หรือคำแสด ที่นำเข้ามาจากฟิลิปปินส์ คำแสดเป็นสีผสมอาหารแบบธรรมชาติที่จะให้สีส้มๆ แดงๆ และมีกลิ่นหอม มีสรรพคุณหลายอย่าง ลองสังเกตดูว่ารูปทรงของข้าวจะแตกต่าง นั่นเป็นเพราะรูปทรงข้าวแบบนี้เป็นที่คุ้นเคยของชาวฟิลิปปินส์ ทางร้านจึงนำเข้าพิมพ์ข้าวมาจากฟิลิปปินส์ ถือว่าเป็นการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มากทีเดียว
มาดูที่กับข้าวกันบ้าง Bulalo (400 บาท) ซุปเนื้อที่ใช้ส่วนขาหน้าของวัวที่ข้างในมีไขกระดูกอยู่ด้วย นำมาต้มกับผักกวางตุ้งและข้าวโพด มีต้นกำเนิดมาจากเมืองทางใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ที่นิยมเลี้ยงวัว Bulalo ชามนี้เป็นคอมฟอร์ตฟู้ดที่แท้จริงของชาวฟิลิปปินส์ เพราะไม่ว่าจะทำงานหนัก เหนื่อยล้า เมาค้าง หรือไม่สบาย Bulalo จะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ แต่ละคนก็จะมีวิธีกินที่แตกต่างกัน บางคนก็ใช้ช้อนตัก บางคนก็ใช้หลอดดูด และอย่าลืมกินไขกระดูกเข้าไปด้วยนะ
Bulalo (400 บาท)
Chicken Adobo (200 บาท) อีกหนึ่งเมนูยอดนิยมของชาวฟิลิปปินส์ที่ถ้าไม่รู้จะกินอะไรก็เลือกเมนูนี้ไว้ก่อน เพราะทำง่ายและเป็นรสชาติที่คุ้นเคย เนื่องจากกินกันมาตั้งแต่เด็ก และแต่ละบ้านจะมีสูตรไม่เหมือนกัน บางบ้านใส่เครื่องเทศเยอะ บางบ้านใส่ซีอิ๊ว บางบ้านต้มนาน บางบ้านก็น้ำใส บางบ้านก็น้ำข้น แต่เอกลักษณ์ของเมนูนี้คือจะมีความเปรี้ยวอยู่เล็กน้อย เพราะใส่น้ำส้มสายชูลงไปเพื่อถนอมอาหาร เมนูนี้เรามอบดาวให้ไปเลยห้าดาว ยิ่งกินกับข้าวยิ่งดี
Chicken Adobo (200 บาท)
เห็นกระทะร้อนส่งเสียงซู่ๆ พร้อมควันหอมกรุ่นแบบนี้ก็ต้องเป็น Crispy Pork Sisig (240 บาท) หมูสามชั้นหั่นเต๋าทอดจนกรอบ (เราบอกเลยว่ากรอบมากจริงๆ ใครชอบกินอะไรกรอบๆ ต้องมาลอง) เสิร์ฟบนกระทะร้อนพร้อมไข่แดง เวลากินให้คลุกเคล้าในตอนที่ยังร้อนอยู่ให้เข้ากัน แล้วบีบส้มจี๊ดลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ Sisig เป็นอาหารที่ชาวฟิลิปปินส์มักจะกินกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือว่าเป็นเมนูสังสรรค์ เพราะกินด้วยกันแล้วเข้ากันมากๆ ถ้าใครมาลอง เมนูนี้พลาดไม่ได้ที่จะต้องสั่ง
Calamansi Juice (85 บาท) ส้มจี๊ดหรือ Calamansi เป็นพืชที่หาได้ง่ายในฟิลิปปินส์ มักจะใช้ในการประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการปรุงอาหาร บีบใส่หลังจากปรุงเสร็จแล้วเพื่อเพิ่มรสชาติ หรือจะคั้นสดๆ แล้วดื่ม จะได้รสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่น เหมาะกับยามบ่ายในหน้าร้อนแบบนี้
Calamansi Juice (85 บาท)
Kare Kare (340 บาท) นำขาหมูไปตุ๋นกับเนยถั่ว บดเองหอมๆ เนื้อจะหนาๆ เวลากินให้กินคู่กับกะปิ แล้วถ้ายิ่งกินคู่กับ Java Rice จะดีมาก
Kare Kare (340 บาท)
ก่อนหน้านี้เราพูดถึงแก้วไอศกรีมทรงสูงที่ทุกโต๊ะจะต้องสั่ง นั่นก็คือ Halo Halo (180 บาท) ขนมหวานที่เป็นความทรงจำของทุกคนในฟิลิปปินส์ ประกอบด้วยไอศกรีมวานิลลาหอมๆ โปะบนน้ำแข็งไสที่ราดด้วยนมและซอสเผือก ข้างล่างของแก้วจะมีคัสตาร์ดและเครื่องน้ำแข็งไสอย่างลูกชิด ถั่วแดง วุ้น เป็นเมนูหวานชื่นใจที่ใครๆ ก็รัก เป็นเมนูขนมหวานในดวงใจของชาวฟิลิปปินส์ทุกคน ส่วนขนมหวานอีกจานปิดท้ายวันนี้คือ Brazo de Mercedez (120 บาท) โรลไข่ขาว มีไส้เป็นครีมคัสตาร์ดไข่แดงแน่นๆ และราดด้วยซอสคาราเมล เป็นขนมที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานมาก
Halo Halo (180 บาท) และ Brazo de Mercedes (120 บาท)
นอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการส่งอาหารแบบเดลิเวอรีด้วย ทั้งอาหารเช้า ของคาว ของหวาน ถ้าสนใจเมนูไหนสามารถโทรไปสอบถามทางร้านได้เลย!
ติดตามบทความร้านอาหารสุขุมวิทกันต่อได้ที่
เปิดโลกเนื้อไปกับ Mad Beef ไคเซกิเนื้อ 8 คอร์ส เอาใจคนบ้าเนื้อ
‘I am Curry’ แกงกะหรี่เข้มข้น รสละมุน ท็อปปิ้งจุใจสไตล์ปอนด์ MasterChef
Quaint ร้านอาหารเอกมัยที่ไม่ได้มีดีแค่อาหาร เน้นสร้างประสบการณ์สนุกๆ ให้กับผู้มาเยือน
สัมผัสเสน่ห์อินเดียใต้ JHOL ร้านอาหารอินเดียร่วมสมัยจากชายฝั่งทะเลตอนใต้
Lola’s Kitchen
Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 08.00-21.00 น.
Address: 891 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
Budget: 300-1,500 บาท
Contact: 06 4614 4075
Website: https://www.facebook.com/lolaskitchenbangkok/
Map:
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์