ย้อนหลังไปเมื่อ 4 สัปดาห์ที่แล้ว อิสราเอลยังคงเฉลิมฉลองการกลับมาใช้ชีวิตปกติของประชาชนส่วนใหญ่ หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิดเป็นไปในทางบวก ซึ่งเป็นผลจากการเร่งฉีดวัคซีนประชากรทั่วประเทศ จนทำให้ทางการสามารถยกเลิกมาตรการป้องกันการระบาดต่างๆ รวมทั้งการบังคับสวมหน้ากากอนามัยและการรักษาระยะห่าง
แต่สถานการณ์ระบาดระลอกใหม่กลับปรากฏขึ้นอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจากที่ลดจนเหลือศูนย์ กลับมาเพิ่มเป็นหลักร้อยต่อวันอีกครั้ง ซึ่งปัจจัยหลักเป็นผลจากเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา หรือสายพันธุ์อินเดีย ที่ครอบคลุมจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 90%
การระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา ส่งผลให้ นาฟตาลี เบนเนตต์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิสราเอล ต้องหวนกลับมาใช้บางมาตรการป้องกัน รวมถึงปรับยุทธศาสตร์เพื่อยับยั้งสถานการณ์แพร่ระบาด ภายใต้แนวนโยบายที่เรียกว่า ‘การปราบปรามอย่างนุ่มนวล’ หรือเรียกง่ายๆ คือการปรับเปลี่ยนมาตรการเพื่อให้ประชาชนเรียนรู้การใช้ชีวิตท่ามกลางการระบาดของโควิด
โดยอาจมีการใช้เพียงมาตรการบางอย่าง และหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ที่อาจฉุดภาวะเศรษฐกิจให้ทรุดลง หลังจากที่อิสราเอลเผชิญการล็อกดาวน์มาแล้ว 3 ครั้ง
ปรับยุทธศาสตร์ตามความจำเป็นและความสมดุล
ก่อนหน้านี้เบนเนตต์เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์รับมือโควิดของรัฐบาลนั้นจะมีความเสี่ยงอย่างแน่นอน แต่จากการพิจารณาโดยรวม ซึ่งรวมถึงปัจจัยด้านภาวะเศรษฐกิจ ทำให้แนวทางนี้เป็นแนวทางที่สมดุลและมีความจำเป็น ขณะที่ยังมีการพิจารณาแนวทางจากตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น จำนวนผู้ติดเชื้ออาการรุนแรงที่ยังอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 45 คน
สำหรับแผนดำเนินการในยุทธศาสตร์รับมือโควิดของอิสราเอลตอนนี้ จะครอบคลุมทั้งการเฝ้าระวังกรณีการติดเชื้อ การสนับสนุนการฉีดวัคซีน การเร่งตรวจเชื้อโดยใช้ชุดตรวจแบบ Rapid Test ที่ทราบผลได้รวดเร็ว และการรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย
นอกจากนี้ ยังมีการนำเอาบางมาตรการกลับมาใช้ เช่น การบังคับสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคารและพื้นที่ในร่ม และการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคน
ความเสี่ยงของยุทธศาสตร์ใหม่?
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญบางคนยังตั้งคำถามถึงความเสี่ยงในยุทธศาสตร์รับมือโควิดด้วยแนวทางดังกล่าว ซึ่งอาจเกิดผลกระทบรุนแรงหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น
โดย แรน บาลิเซอร์ ประธานคณะผู้เชี่ยวชาญด้านโควิดของรัฐบาลอิสราเอลให้ความเห็นว่า จากข้อมูลผู้ติดเชื้อในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้ออาการรุนแรงเฉลี่ย 5 คนต่อวัน และเสียชีวิต 1 คนต่อวัน สะท้อนถึงผลกระทบรุนแรงที่เกิดจากเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา ทำให้ทางคณะผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รัฐบาลใช้ความระมัดระวังในการยกเลิกมาตรการป้องกันอื่นๆ
ขณะที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนก็สนับสนุนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอิสราเอล โดย นาดาฟ ดาวิดโอวิตช์ (Nadav Davidovitch) ผู้อำนวยการสำนักสาธารณสุขศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเบนกูเรียน ในอิสราเอล มองว่าแนวทางนี้เป็นเส้นทางทองคำ ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างยุทธศาสตร์ของอังกฤษที่เตรียมยกเลิกล็อกดาวน์ และยุทธศาสตร์ของออสเตรเลียที่กลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา
ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่าประชากรอิสราเอลราว 60% จากทั้งหมดกว่า 9.3 ล้านคน ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดจาก Pfizer-BioNtech โดสแรกแล้ว ซึ่งรัฐบาลเริ่มมีการเสนอให้ฉีดวัคซีนโดสที่ 3 แก่ประชาชนที่มีระดับภูมิคุ้มกันอ่อนแอ แต่ยังไม่เร่งรัดการอนุมัติให้ฉีดวัคซีนโดสที่ 3 แก่ประชาชนในกลุ่มอื่นๆ
ภาพ: Photo by Mostafa Alkharouf/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
