เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่ LINE TV เกิดขึ้นมาในเมืองไทย LINE เผยข้อมูลว่าเฉลี่ยแล้วคนดู LINE TV วันละ 176 นาทีต่อคนต่อวัน โดย 75% นิยมดูละคร ซิตคอม ซีรีส์ อีก 15% ชอบดูรายงานเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และที่เหลือ 10% อื่นๆ เช่น ไลฟ์สไตล์ เพลง โดย 40% ดูทุกวัน
เมื่อแบ่งผู้ชมตามอายุจะพบว่า 14-23 ปี มีสัดส่วน 37% กลุ่มนี้ใช้เวลากับ LINE TV มากที่สุด แต่กลุ่ม 24-29% มีสัดส่วนมากที่สุด 44% ถัดมาอายุ 30-40 ปี มีสัดส่วน 40% และอายุ 41-60 ปี อีก 39% โดยช่วงอายุ 24-40 ปี เป็นกลุ่มหลักที่มีความถี่สูงสุด
ช่วงเวลาที่คนดูมากที่สุดคือ 15.00-18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเลิกเรียน และพนักงานบางส่วนกำลังกลับบ้าน ส่วนใหญ่มักจะชอบดูในระหว่างเดินทาง รองลงมา 20.00-22.00 น. ช่วงที่กลับมาที่บ้าน อีกช่วงที่คนชอบดูเยอะคือ 12.00-14.00 น. มักดูในช่วงพักเที่ยงและเวลาพักอื่นๆ
52% ดูผ่านแอปฯ LINE TV โดยตรง, 24% ผ่าน LINE Ecosystem เช่น LINE Today และ LINE Official Account, 14% Mobile Web และ 10% PC Web โดย 35% เข้ามาแล้วเลือกดูคอนเทนต์โดยตรง อีก 35% ค้นหาเรื่องที่จะดู ซึ่งหมายความว่า 70% ตั้งใจเข้ามาดู ที่เหลือ 30% เข้ามาจาก LINE Ecosystem และโซเชียลมีเดีย
กณพ ศุภมานพ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย อธิบาย 5 จุดแข็งที่ทำให้ LINE TV เป็นที่ชื่นชอบของคนดู
1. ความเร็ว โดยเฉพาะคอนเทนต์รีรัน
2. ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
3. คุณภาพคอนเทนต์ เช่น ความชัดของภาพ
4. ใช้ง่าย
5. คอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งมาจากทั้งคอนเทนต์หลักอย่างละครและซีรีส์ต่างๆ ทั้งแบบย้อนหลังจากช่องทีวี หรือแบบออริจินัลที่เรียกว่า LINE TV Originals
โดยยอดวิวเฉลี่ยสำหรับละครท็อปฟอร์มนั้นจะสูงถึง 250 ล้านวิว ในไตรมาสที่ผ่านมามีละคร 4 เรื่องที่สามารถทำได้ถึง 500 ล้านวิว ได้แก่ ใบไม้ที่ปลิดปลิว, เจ้าหญิงเม็ดทราย, มนตรามหาเสน่ห์ และ รักฉุดใจนายฉุกเฉิน โดยมีละคร 45 เรื่องที่มียอดวิวมากกว่า 100 ล้านบาท รวมแล้วมียอดวิวทั้งหมด 8,000 ล้านวิว ส่วนรายการบันเทิงวาไรตี้ต่างๆ ที่มีผู้ชมรองลงมาจะมียอดวิวเฉลี่ยอยู่ที่ 70 ล้านวิว
“LINE TV ไม่ได้เข้ามาแข่งกับทีวี แต่เราคือผู้ที่เข้ามาช่วยให้อุตสาหกรรมโตขึ้น เพราะมีละครหลายเรื่องที่ทำเรตติ้งในทีวีไม่ได้สูงมาก แต่ใน LINE TV มียอดชมที่ดี แม้วันนี้จำนวนผู้ชมจะมีเกือบ 40 ล้านจากจำนวนผู้ใช้ LINE 44 ล้าน ตัวเลขผู้ชมนี้เพิ่มขึ้นจาก 33 ล้าน และรายได้ของ LINE TV เติบโตเฉลี่ย 50% ต่อปี แต่เป้าหมายของ LINE TV คือแพลตฟอร์มทีวีออนไลน์สำหรับคนไทย โดยต้องการให้นำผู้ชมขึ้นไปกับเท่าผู้ชมทีวี ซึ่งมีอยู่ราว 55 ล้านราย”
ทิศทางของ LINE TV ต่อจากนี้จะเน้นขยายไปงานกลุ่มต่างจังหวัดมากขึ้น ด้วยปัจจุบันส่วนใหญ่ผู้ชมอยู่ในเมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี ขอนแก่น และนครราชสีมา ฯลฯ
โดยได้วางกลยุทธ์ไว้ 3 ข้อคือ 1. ความหลากหลายของคอนเทนต์ ควบคู่ไปกับ 2. การพัฒนาฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ ล่าสุดได้รองรับการสตรีมมิงขึ้นทีวีผ่าน Chromecast ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ปัจจุบันมีคนดูมากกว่า 3 ล้านครั้ง และเปิดให้ดาวน์โหลดแอปฯ LINE TV ใน Android TV ซึ่งจะทำให้สามารถขยายไปยังกลุ่มที่ไม่เคยดู
3. การพัฒนาการระบบการค้นหาคอนเทนต์ให้ง่ายและรวดเร็ว โดยมีการเพิ่ม 2 แท็บใหม่คือ 100 ล้านวิว Tab และ Movie Tab ซึ่ง 100 ล้านวิว Tab จะเป็นแท็บที่แสดงคอนเทนต์ยอดนิยมของ LINE TV ส่วน Movie Tab จะเป็นแท็บเมนูการรับชมภาพยนตร์แบบเต็มเรื่อง
ในส่วนฐานผู้ชมที่ LINE TV จะโฟกัสในการนำเสนอคอนเทนต์ให้เหมาะสมแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ไล่ตั้งแต่
1. Youngster เป็นวัยรุ่นและวัยเรียน อายุ 14-25 ปี
2. Premium Mass วัยทำงาน อายุ 21-34 ปี
3. Segmented Users ซึ่งเป็นกลุ่มที่ครอบคลุมช่วงอายุกว้างตั้งแต่ 14-34 ปี แต่มีความชื่นชอบคอนเทนต์ที่มีลักษณะเฉพาะทั้งรูปแบบและเนื้อหา โดยเฉพาะการ์ตูนเช่น โคนัน และวันพีซ ที่ยอดผู้ชมสูงสุด
4. Mass เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด โดยครอบคลุมอายุ 14-45 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเป็นผู้ชมใหม่ โดยเน้นเนื้อหาที่ดูง่ายแบบครอบครัว ไม่ซับซ้อน และเน้นตลก ที่ผ่านมาได้ทดลองสร้าง Originals ที่จับกลุ่มแมสโดยเฉพาะคือ สู้ตายนายกระจับ นอกจากนี้ยังจะเพิ่มคอนเทนต์กีฬาเพื่อขยายฐานผู้ชายจากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 35% กำลังคุยกับพาร์ตเนอร์เพื่อนำคอนเทนต์ฟุตบอลเข้ามา และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะถ่ายทอดสดด้วย
“วันนี้ตลาด OTT หรือ Over-The-Top กำลังอยู่ในช่วงของการเติบโต จึงไม่แปลกที่จะมีผู้เล่นหน้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศอยากเข้ามา สำหรับเรามองว่าเป็นข้อดีมากกว่า เพราะจะช่วยสร้างการรับรู้กับผู้บริโภค ในระยะสั้นยอมรับว่าจะเกิดการแย่งฐานผู้ใช้กันบ้าง แต่เชื่อว่าในระยะยาวจะเป็นผลดีมากกว่า” กณพกล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์