×

ครบ 2 เดือน ‘LINE BK’ คนขอสินเชื่อผ่านไลน์ทะลุล้านราย มองคริบโตเคอร์เรนซียังผันผวน แต่ไม่ปิดโอกาสพัฒนาบริการ

12.01.2021
  • LOADING...
ครบ 2 เดือน ‘LINE BK’ คนขอสินเชื่อผ่านไลน์ทะลุล้านราย มองคริบโตเคอร์เรนซียังผันผวน แต่ไม่ปิดโอกาสพัฒนาบริการ

หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในฐานะแพลตฟอร์ม Social Banking ที่มีทั้งบริการเงินฝาก การทำธุรกรรมทั่วไป และการขอสินเชื่อไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ในที่สุด LINE BK ในวันนี้ก็เดินทางมาถึงเดือนที่สองของการให้บริการผู้ใช้งานแล้ว 

 

ธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว THE STANDARD ว่า 2 เดือนที่ผ่านมาของการให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม LINE BK ปัจจุบันมีผู้ใช้งานที่เปิดบัญชีออมทรัพย์ (ผ่านธนาคารกสิกรไทย) กับพวกเขามากกว่า 1 ล้านคนแล้ว เช่นเดียวกับสินเชื่อที่มีผู้ขอเข้ามาเป็นจำนวนมากหลักล้านราย โดยในจำนวนนี้กว่า 30% เป็นกลุ่ม Unbanked ที่ไม่เคยเข้าถึงบริการหรือมีบัญชีของธนาคารมาก่อน

 

ส่วนประเด็นข้อกังวล ‘หนี้เสีย’ แม่ทัพ LINE BK เชื่อว่า ไม่ใช่เรื่องที่น่าหนักใจนัก โดยเฉพาะการชิมลางปล่อยสินเชื่อในช่วงแรกๆ ซึ่งอาจจะต้องเน้นการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาโมเดลการคำนวณเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อให้แม่นยำยิ่งขึ้นในอนาคต ประกอบกับการหันมาจำกัดวงเงินของการปล่อยสินเชื่อไม่ให้สูงจนเกินไป ซึ่งจะเป็นวิธีการคลายข้อกังวลต่อการคุมหนี้เสีย

 

“ถือว่าเกินกว่าเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ในตอนแรกพอสมควร ทั้งการเปิดบัญชีและการขอสินเชื่อ ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากสถานการณ์ของเศรษฐกิจไทยในตอนนี้ด้วย โดยกว่า 30% ของคนที่มาขอสินเชื่อ ณ วันนี้ เป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบมาก่อน จริงๆ แล้วเราก็อยากทำให้ได้เยอะกว่านี้ แต่ ณ วันนี้ ก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่า 1 ใน 3 ของลูกค้าของเราเป็นลูกค้าที่ยังไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อมาก่อนจริงๆ

 

“ถามว่ากังวลว่าจะมีหนี้เสียไหม เราต้องกังวลอยู่แล้วเพราะเป็นเรื่องปกติของธุรกิจสินเชื่อ เพียงแต่ในช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจที่ใช้ข้อมูลดำเนินธุรกิจใหม่ๆ และโมเดลใหม่ๆ เราก็ต้องลอง (ปล่อย) ก่อนเพื่อที่จะได้รู้ว่าคนกลุ่มไหนเป็นคนกลุ่มที่จะเป็นคนดีในเชิงของการให้สินเชื่อ คนไหนจะไม่สามารถชำระหนี้คืนได้และกลายเป็นหนี้เสีย ตรงไหนจะเป็นไปตามคาด 

 

ซึ่งจากการให้บริการ เราก็สามารถนำข้อมูลมาประมวลผลเพื่อทำให้โมเดลการคำนวณแข็งแรงมากขึ้น โดยวิธีจำกัดข้อกังวลก็คือ ในช่วงแรกเราอาจจะต้องจำกัดวงเงินการปล่อยสินเชื่อที่อาจจะไม่ได้ให้มากจนเกินไป”

 

ปัจจุบัน LINE BK ถือเป็นผู้ให้บริการ Social Banking รายแรกในประเทศไทย ภายใต้การร่วมทุนระหว่างธนาคารกสิกรไทยและแพลตฟอร์มอย่าง LINE โดยเน้นการทำธุรกิจหลักใน 2 ส่วน คือ การเป็นธนาคารบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ให้บริการโอน ถอน จ่าย บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษ (1.0% (6 เดือน) และ 1.5% (12 เดือน)) หรือการทำธุรกรรมทั่วๆ ไป และการปล่อยสินเชื่อออนไลน์

 

จุดเด่นอยู่ที่การนำข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้งานบริการต่างๆ บนระบบนิเวศของ LINE มาเป็นองค์ประกอบของโมเดลการคำนวณเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อและสกอร์ความเสี่ยงต่างๆ ทั้งพฤติกรรม ความถี่ในการใช้งานแชต LINE, LINE MAN, LINE TV, LINE TODAY หรือแม้แต่พฤติกรรมการซื้อสติกเกอร์ LINE STICKERS เป็นต้น (ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลแชต ข้อมูลส่วนตัว เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ (Encrypted Data))

 

ขณะที่ประเด็นเงินดิจิทัล ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ ที่กำลังได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุนในปัจจุบันอย่างร้อนแรง รวมถึงการที่บริษัทแม่ของ LINE ในญี่ปุ่นให้บริการ BITMAX แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลนั้น ธนามองว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าที่เราจะได้เห็นการใช้งานเงินดิจิทัลอย่างแพร่หลาย โดยมองว่าปัจจุบันสินทรัพย์รูปแบบนี้ยังมีความผันผวนอยู่พอสมควร อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้ปิดโอกาสความเป็นไปได้ในการพัฒนาบริการที่อาจจะใกล้เคียงกับ BITMAX

 

“ผมมองว่ามันยังมีความผันผวนสูง (บิตคอยน์และเงินดิจิทัล) ก็มีความยากอยู่พอสมควรเมื่อมองในสกุลเงินประเภทนี้ แต่สิ่งที่ผมจะพูดได้แน่นอนคือ ถ้าอยู่ในวงการนี้ ทุกคนจะพูดว่าเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนสินทรัพย์ดิจิทัลที่เราเรียกมันว่า ‘บล็อกเชน’ จะมาแน่นอนและเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต แต่มาเมื่อไรยังเป็นคำถามใหญ่อยู่ เนื่องจากกฎเกณฑ์ระเบียบต่างๆ ของรัฐบาลที่ยังเข้าไม่ถึง แต่วันนี้มีความเชื่อมั่นมากขึ้น

 

“ส่วนเหตุผลที่บิตคอยน์ขยายราคามาได้ขนาดนี้ ณ วันนี้ เป็นเพราะคนสนใจมันมากขึ้น มีกลุ่มองค์กร บริษัท กองทุนที่แสดงความสนใจ เข้ามาลงทุนกันมากขึ้น จึงทำให้ราคาของมันเพิ่มมากขึ้น แต่ผมคิดว่ามันยังคงอยู่ในช่วงการประเมินและเก็งราคากันมากกว่า เนื่องจากยูสเคสหลักที่จะทำให้คนใช้กันในชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลายยังไม่มีจริง เชื่อว่ารออีกสัก 5 ปีจะได้เริ่มเห็นยูสเคส

 

บริษัทอย่าง LINE ก็สนใจคริปโตเคอร์เรนซีมาสักพักแล้ว ด้วยความที่ผู้บริหารสนใจเทคโนโลยีพวกนี้จึงสร้างทีม R&D ด้านนี้ อย่าง LINE ในญี่ปุ่นเองก็มีแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลอย่าง BITMAX ในเมืองไทย จะได้เห็นเมื่อไร ขอรอดูอีกนิดหนึ่ง อาจจะต้องให้เกิดการใช้งานมากขึ้นกว่านี้ถึงอาจจะมองไปถึงจุดที่เราจะเอามาทำได้”

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising