×

Montero เดบิวต์อัลบั้มของ Lil Nas X ที่พิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่ศิลปิน One-Hit-Wonder และมีศักยภาพมากพอขึ้นสู่ระดับท็อป

18.09.2021
  • LOADING...
Lil Nas X

หลังโด่งดังเป็นพลุแตกจากซิงเกิลสุดฮิตอย่าง Old Town Road โดยเฉพาะเวอร์ชันรีมิกซ์ที่ฟีเจอริงกับ Billy Ray Cyrus, Panini และ Holiday รวมถึงอีพีอัลบั้มชุด 7 (2019) ในที่สุด Lil Nas X แรปเปอร์ดาวรุ่งพุ่งแรงที่ผู้คนทั่วโลกจับตามองก็ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกชื่อ Montero (2021) ออกมาแล้ว ซึ่งหลังฟังจบก็ต้องยอมรับในความเป็นศิลปิน ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถอันเปี่ยมล้นของแรปเปอร์วัย 22 คนนี้

 

อัลบั้ม Montero นั้นถือเป็นผลงานที่ Lil Nas X วางแผนโปรโมตมาอย่างชาญฉลาด และสามารถเรียกเสียงฮือฮาได้จำนวนมาก ไล่ตั้งแต่การตัดต่อเทรลเลอร์เป็นธีม Marvel Studios ปล่อยเซ็ตรูปถ่ายที่เผยให้เห็นภาพเขาท้องป่อง ทำรายการจิกกัดตัวเองชื่อ The Montero Show บน YouTube ซึ่งเผยให้เห็นภาพเขากำลังนั่งสัมภาษณ์กับตัวเขาอีกคนหนึ่ง พร้อมเคานต์ดาวน์มิวสิกวิดีโอเก่าๆ ของตัวเองก่อนจะจบด้วยซีนน้ำคร่ำไหลและทำคลอดอัลบั้ม Montero ที่เขาทรีตมันเหมือนลูกคนแรกในโรงพยาบาล

 

Montero อัดแน่นด้วยบทเพลงจำนวน 15 แทร็ก ความยาว 41 นาที ซึ่งได้สองคู่หูจากสตูดิโอ Take a Daytrip อย่าง Denzel Baptise และ David Biral ที่เคยร่วมงานกับ Lil Nas X มาเป็นโปรดิวเซอร์หลักร่วมกับคนอื่นอีกหลายคน พวกเขาเริ่มบันทึกเสียงกันเมื่อปีก่อนขณะที่อเมริกายังอยู่ในช่วงล็อกดาวน์เข้มข้น

 

โดยภาพรวมต้องบอกว่ามันเป็นอัลบั้มที่ยืนพื้นด้วยดนตรีแรปฮิปฮอป แต่มีการผสมผสานซาวด์จากดนตรีป๊อป ร็อก อาร์แอนด์บีได้อย่างโดดเด่นลงตัว แถมยังมีศิลปินชื่อดังมากมาย ทั้ง Jack Harlow, Dojo Cat, Elton John, Megan Thee Stallion, Miley Cyrus มาร่วมแจม ส่วนเนื้อหาหลักๆ พูดเรื่องประสบการณ์ ปัญหา หรือสิ่งต่างๆ ที่ Lil Nas X เคยเผชิญตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับความโดดเดี่ยวในจิตใจ การเปิดเผยต่อสาธารณะว่าตัวเองเป็นเกย์ การโหยหาความรัก การถูกผู้คนสบประมาท ไปจนถึงการก้าวขึ้นมาเป็นแรปเปอร์ผู้โด่งดังและประสบความสำเร็จ

 

ตัวอัลบั้มเปิดหัวด้วย Montero (Call Me By Your Name) เพลงเนื้อหาสยิวว่าด้วยเรื่องความรักของคนเพศเดียวกันที่ Lil Nas X ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ดังของผู้กำกับ Luca Guadagnino ซึ่งแม้จะเคยถูกกลุ่มอนุรักษ์นิยม รวมถึงเกย์บางคนโจมตีว่าผิดศีลธรรม แต่ก็ถือเป็นซิงเกิลที่ได้รับความนิยมและสะท้อนให้เห็นตัวตนของแรปเปอร์คนนี้ได้อย่างชัดเจนที่สุด

 

แทร็กต่อมาคือ Dead Right Now เพลงแรปไรห์มไหลลื่น มาพร้อมเสียงเครื่องเป่าและไลน์ร้องประสานเสียงอันโดดเด่นที่ Lil Nas X พรรณนาถึงบุคคลผู้ไม่เคยสนใจใยดีในตัวเขา แต่กลับจ้องจะเข้าหาตอนเขาดัง ถัดมาเป็น Industry Baby อีกหนึ่งซิงเกิลฮิต ที่เมื่อเห็นชื่อคนโปรดิวซ์แล้วทำเราเซอร์ไพรส์เล็กน้อย เพราะคนคนนั้นคือ Kanye West ตามด้วย That’s What I Want เพลงป๊อปแรปเมโลดี้ติดหู ฟังแล้วสัมผัสได้ถึงความรู้สึกโหยหาความรัก ซึ่ง Lil Nas X เคยบอกว่ามันเป็นสิ่งที่เกย์ผิวสีอย่างเขาหาได้ยากยิ่ง

 

สำหรับเพลงในอัลบั้มที่เราอยากให้คุณผู้อ่านลองฟังกันดูคือเหล่าเพลงบรรยากาศหมองหม่นที่เต็มไปด้วยความเปราะบางทางอารมณ์ ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจตัวตนและปัญหาหลายสิ่งที่ Lil Nas X ก้าวผ่าน อาทิ One of Me ที่ได้ศิลปินระดับไอคอนอย่าง Elton John มาบรรเลงเปียโนสุดไพเราะ, Sun Goes Down ที่กลั่นออกมาจากประสบการณ์เคยคิดฆ่าตัวตายเพราะเกลียดสีผิวและเพศสภาพตัวเอง, Void ที่พูดถึงความเหนื่อยล้าในชีวิต, Am I Dreaming ที่คร่ำครวญถึงความกลัวการถูกลืม 

 

ส่วนเพลงที่เราไม่ได้เอ่ยถึงอย่าง Scoop, Lost In the Citadel, Dolla Sign Slime, Tales of Dominica, Don’t Want It และ Life After Salem ก็ต่างมีเบื้องลึกเบื้องหลัง สไตล์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นแตกต่างกันไป

 

ต้องบอกว่า Montero เป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดและกะเทาะตัวตนแท้จริงของ Lil Nas X ออกมาสู่สายตาชาวโลก มันมีความทะเยอทะยาน เปี่ยมล้นไปด้วยความกล้า สร้างแรงบันดาลใจ และมอบความหวังแก่ผู้คนหรือเด็กๆ ชาว LGBTQ+ อีกทั้งยังพิสูจน์ว่าเขามีศักยภาพมากพอสำหรับการก้าวขึ้นสู่ระดับท็อป ไม่ใช่ศิลปิน One-Hit-Wonder ผู้โด่งดังจากเพลงแนวคันทรีแรปที่ชื่อ Old Town Road เพลงเดียวแล้วหายจากกระแสไปตลอดกาล

 

ภาพ: Lil Nas X 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising