The 126 Bar บาร์เลขห้องคอนโดที่หยิบคาแรกเตอร์เพื่อนมารังสรรค์ค็อกเทล

จากความชอบชวนก๊วนเพื่อนมานั่งดื่มในห้องคอนโดของตัวเอง ผนวกกับการได้ไปทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ลอนดอนด้วยความบังเอิญจนเกิดเป็นความหลงใหล ดรีม-แพรวพิสุทธิ์ ชินศักดิ์ชัย วัย 27 ปี ตัดสินใจกลับมาไทยแล้วทำบาร์ของตัวเองด้วยแรงบันดาลใจจากเลขห้องคอนโดสู่ ‘The 126 Bar’ บาร์ที่อยากให้ทุกคนแวะเวียนมาพบปะพูดคุยพลางชนแก้วกันแบบสบายๆ เหมือนมาบ้านเพื่อน

The Vibe

จะว่าที่นี่เป็นบาร์ลับในย่านทองหล่อก็คงไม่แปลก เพราะใครจะรู้ว่าภายในอาคาร Thonglor Tower จะมีบาร์ซ่อนอยู่ เลื่อนบานประตูปั๊บจะเจอกับห้องที่ประดับไปด้วยโคมไฟทรงกลมห้อยบนเพดานที่ส่องแสงสลัวอบอุ่น และเมื่อได้ยินเพลงสไตล์ City Pop และ R&B ที่เปิดคลอในร้านด้วยก็ยิ่งปรับมู้ดให้รู้สึกสบายขึ้นทันที

The Taste

“ค็อกเทลที่นี่แอลกอฮอล์เข้ม ดื่มง่าย ราคาไม่สูงมาก” ดรีมเล่าถึงจุดเด่นของดริงก์ทางร้าน “และชื่อซิกเนเจอร์ค็อกเทลของเราก็ได้แรงบันดาลใจจากชื่อและคาแรกเตอร์ของเพื่อนที่ชอบมาดื่มในคอนโดของดรีมเอง”

เริ่มกันที่ Trinkanzen (380 บาท) ด้วยแรงบันดาลใจเพื่อนชื่อตริน ผู้หลงในความเป็นญี่ปุ่น เบสของแก้วนี้เลยเป็นสาเก เพิ่มความหอมเปรี้ยวสดชื่นด้วยยูซุ นอกจากจะดื่มง่ายแล้วดรีมยังเสริมว่าแก้วนี้เป็นแก้วโปรดโดยส่วนตัว และยังขายดีที่สุดของทางร้านอีกด้วย

Icescube (400 บาท) ค็อกเทลที่เหล้าเข้มที่สุดของทางร้าน ด้วยเบสเป็นสปิริตสามตัว ท็อปด้วยโฟมส้มเนื้อละมุนที่สื่อถึงไอซ์ เพื่อนที่ดูภายนอกแล้วเป็นคนเข้ม แกร่ง แต่ก็มีมุมที่เปรี้ยวเซ็กซี่ซ่อนอยู่

จิบแรกจะได้โน้ตของวิสกี้แบบเต็มขั้นแต่กลับดื่มไม่ยากอย่างที่คิด แม้จะมีความรู้สึกร้อนผ่าวที่คอตามหลังเป็นของแถม

ต่อกันด้วยดริงก์น่าสนใจอย่าง Vayada (380 บาท) ที่เสิร์ฟมาสองแก้วเพื่อสะท้อนตัวตนอันซับซ้อนของวญาดา เพื่อนผู้มีบุคลิกเรียบๆ ในกลางวัน ดุจจินอินฟิวส์กับชาอู่หลงหอมๆ แต่พอตกดึกกลายร่างเป็นสาวปาร์ตี้ พร้อมเติมสีสันแห่งค่ำคืนด้วย Riesling Wine อินฟิวส์กับน้ำอัญชัน

วิธีดื่มคือให้จิบจินก่อนแล้วจากนั้นค่อยเทไวน์ตามลงไป จะได้เป็นดริงก์รสชาติใหม่ที่หวานหอมและยังคงดื่มง่ายเช่นเคย

หากเป็นคนที่ชอบดริงก์แนวฟรุตตี้ แนะนำเป็น Flirty Freya (320 บาท) ด้วยแรงบันดาลใจจากเฟรย่า เพื่อนสาวสายเฟิร์ต แก้วนี้จัดเต็มความเป็นฟรุตตี้ด้วยเบสเหล้าผลไม้สี่ตัว วอดก้าราสป์เบอร์รี, เหล้าพีชชแนปป์, ลิเคียวแพสชันฟรุตและลิ้นจี่ เพิ่มความหอมสดชื่นด้วยเลมอนและโซดา เป็นแก้วที่กลิ่นผลไม้หอมเตะจมูกสุดๆ และยังชวนให้นึกถึงขนมเยลลี่ที่กินในวัยเด็กอีกด้วย

ปิดท้ายด้วย Not So Picky (350 บาท) สำหรับเพื่อนชื่อ Picky แต่จะเรื่องมากสมชื่อไหมอาจต้องลองถามเจ้าของบาร์ดู แก้วนี้มีเบสเป็นดาร์กรัมและลิเคียวเชอร์รี เพิ่มความเปรี้ยวหวานด้วยน้ำแครนเบอร์รี หากจิบคำแรกอาจจะนึกว่าแก้วนี้มีอุเมะชูด้วยแต่จริงๆ เป็นกลิ่นของแอปเปิ้ลไซเดอร์และผงซินนามอนที่โรยด้านบน

นอกจากซิกเนเจอร์ค็อกเทลแล้ว ที่นี่ก็ยังมีคลาสสิกค็อกเทล จิน เบียร์ ไวน์ และแชมเปญ อันที่จริงทางร้านมีอุเมะชูที่บ่มเองเป็นเวลาสองปี แต่ด้วยความที่รสชาติคงถูกปากมากเลยถูกลูกค้าเหมาขวดโหลไปเรียบร้อย ใครที่อยากลองอุเมะชูของที่นี่คงต้องกลับมาในอีกสองปีข้างหน้าแล้วล่ะ

Good for

แม้จะเป็นบาร์ที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็ให้ความรู้สึกสบาย อบอุ่น นั่งฟังเพลงได้ยาวๆ ถ้าใครอยากแดนซ์ที่นี่ก็จะมีดีเจมาระเบิดความมันในวันศุกร์-เสาร์อีกด้วย ในส่วนของค็อกเทลก็ล้วนมีความบาลานซ์ ดื่มง่าย และมีสตอรีที่น่าสนใจทุกแก้ว ทางบาร์กระซิบมาว่าอนาคตจะเพิ่มลิสต์ค็อกเทลมากขึ้นเนื่องจากเพื่อนคนอื่นเริ่มงอนที่ไม่มีชื่อในเมนู