คุณเคยรู้สึกมีความสุขจนตัวลอยเวลาได้ช้อปปิ้งไหม หรือเคยรู้สึกผิดหลังจากเห็นยอดบัตรเครดิตพุ่งกระฉูด ถ้าใช่ คุณอาจกำลังเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า ‘โรคเสพติดการช้อปปิ้ง’ หรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า ‘Shopaholic’ นั่นเอง แต่เดี๋ยวก่อน! ทำไมการช้อปปิ้งถึงกลายเป็นโรคไปได้ล่ะ? มาทำความเข้าใจไปพร้อมกันดีกว่า
ทุกคนรู้ดีว่าการซื้อของใหม่ๆ มันสนุกแค่ไหน แต่สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ การช้อปปิ้งไม่ใช่แค่ความสุขชั่วครู่ แต่มันกลายเป็นความอยากที่ควบคุมไม่ได้ ซื้อแล้วซื้ออีก จนส่งผลกระทบต่อชีวิตในหลายๆ ด้าน นึกภาพคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตท่วมหัว หรือทะเลาะกับแฟนเพราะซื้อของแพงเกินตัว นี่แหละคือตัวอย่างของผลกระทบที่ว่า
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังติดกับดักนี้อยู่?
ลองสังเกตตัวเองดู ถ้าคุณซื้อของบ่อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น หรือรู้สึกเหมือนได้เสพยาเวลาได้ช้อป นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนแล้วนะ หรือถ้าคุณเริ่มแอบซื้อของ ซ่อนใบเสร็จ หรือโกหกคนรอบข้างเรื่องค่าใช้จ่าย นั่นยิ่งเป็นเรื่องน่าห่วง
แต่ทำไมบางคนถึงติดการช้อปปิ้งขนาดนี้?
คำตอบนี้ซับซ้อนกว่าที่คิด บางคนอาจใช้การช้อปเป็นยาแก้เครียดหรือแก้เหงา บางคนอาจมีปัญหาทางอารมณ์ เช่น ซึมเศร้าหรือวิตกกังวล แถมสังคมที่เน้นวัตถุนิยมและโฆษณาที่ยั่วยวนก็มีส่วนไม่น้อย
แล้วเราจะรับมือกับปัญหานี้อย่างไรดี?
อันดับแรกต้องยอมรับก่อนว่ามันคือปัญหา ไม่ใช่แค่ ‘นิสัยช่างช้อป’ ธรรมดา จากนั้นลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดูอย่างจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา พวกเขาจะช่วยคุณหาทางออกที่เหมาะสม นอกจากนี้การฝึกจัดการอารมณ์และความเครียดก็สำคัญ ลองหากิจกรรมอื่นๆ ทำแทนการช้อปปิ้งดู เช่น ออกกำลังกายหรือทำงานอดิเรก และติดตามการใช้จ่ายของตัวเองอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดหนี้
เหนือสิ่งอื่นใด เราอยากให้ทุกคนจำไว้ว่าการเสพติดการช้อปปิ้งเป็นปัญหาจริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องตลก และมันไม่ใช่เรื่องปกติ ถ้าคุณกำลังเจอปัญหานี้ อย่าปล่อยให้มันลุกลาม ยิ่งรีบจัดการเร็วเท่าไร โอกาสที่จะกลับมามีชีวิตที่สมดุลและมีความสุขก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น เอาละ ทีนี้ก็ได้เวลาปิดกระเป๋าสตางค์แล้วเปิดใจรับความสุขจากสิ่งอื่นๆ ในชีวิตกันบ้างแล้ว
