Rolling Roasters คาเฟ่สุดเก๋ย่านเอกมัย ที่จะเป็นบาร์ค็อกเทลสุดชิลยามค่ำคืน

ความเก๋ของคาเฟ่ Rolling Roasters ในย่านเอกมัยก็คือ ตอนกลางวันจะเป็นคาเฟ่สเปเชียลตี้ เริ่มเปิดตั้งแต่เช้าจนเย็น เพราะไม่ได้มีแค่กาแฟ แต่ยังมีอาหารให้มานั่งกินมื้อเย็นได้ด้วย ก่อนหลัง 18.00 น. เป็นต้นไปจะแปลงโฉมเป็นบาร์ค็อกเทลสุดชิลที่มาพร้อมดนตรีสด และเปิดยาวจนถึง 01.00 น.

เพราะฉะนั้นหากใครแวะมาช่วงเช้าจะได้พบกับเมนูเบรกฟาสต์จำพวกโทสต์และพาสต้า ส่วนมนุษย์กลางคืนที่ชอบแฮงเอาต์หลังพระอาทิตย์ตกก็จะได้ลิ้มลองค็อกเทลซิกเนเจอร์ที่ร้านได้มิกโซโลจิสต์มือดีมาช่วยออกแบบ

ส่วนเมนูที่น่าลองและบรรยากาศด้านในจะเป็นอย่างไร เราจะพาทุกคนไปนั่งชิลด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย

The Vibe

Rolling Roasters เปิดอยู่ในซอยสุขุมวิท 63 เดินเข้ามาทุกคนจะสัมผัสได้ถึงการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ของที่นี่ โดยร้านเป็นโถงกว้างผสมกับความโค้งมน เสมือนเรายืนอยู่ในสถานีอวกาศ

และมี 2 ชั้น ทุกคนสามารถเดินขึ้นบันไดวนแล้วเลือกเดินไปได้อีก 2 ทางที่บรรยากาศต่างกัน ฝั่งหนึ่งมีความเป็นส่วนตัว ฝั่งหนึ่งเป็นมุมรับแสงธรรมชาติ ส่วนใครอยากนั่งจิบกาแฟ กินของหวานในบรรยากาศโปร่งสบาย เราแนะนำให้นั่งชั้นล่างได้เลย

และเมื่อแสงแดดลับหายไป มู้ดของร้านจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร้านนั่งชิลยามค่ำที่มาในไวบ์เก๋ๆ เต็มไปด้วยความสนุก โดยบาร์จะมีดนตรีช่วงค่ำประมาณ 21.00 น. ซึ่งตอนนั้นละที่เราเชื่อว่าใครที่อยากมาดื่มแค่แก้วเดียวคงไม่พอ

The Taste

เริ่มด้วยเมนูช่วงกลางวันกันก่อน เราอยากแนะนำให้ลอง Daisy Boy (180 บาท) เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีนและเน้นความสดชื่น เพราะเป็นน้ำยูซุผสมน้ำผึ้งและสตรอว์เบอร์รี ด้านบนท็อปด้วยไอศกรีมโยเกิร์ตโฮมเมด

ใครเป็นสายกาแฟผสมน้ำผลไม้เปรี้ยวๆ Yuzano (180 บาท) ของที่นี่ก็เป็นเมนูเด็ดเลยละ เพราะใช้ Yuzu Sparkling ดื่มแล้วจึงมีความซ่าเข้ามาด้วย

Rose Niyom (180 บาท) เป็นเมนูกาแฟที่เหมาะกับคนไม่อยากดื่มคาเฟอีนเข้มๆ คนที่ไม่ชอบกาแฟอย่างเรายังดื่มได้ โดยแก้วนี้ทำมาจากน้ำส้มจี๊ด กุหลาบมอญ และกาแฟสกัดเย็น แนะนำให้สั่งมากินคู่กับ Lemon Tart (170 บาท) ที่รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ จะเข้ากัน

ส่วนใครที่อยากแวะมากินมื้อบ่าย คาเฟ่ก็มีเมนูอาหารให้สั่งด้วย เช่น Big Brekkie (300 บาท) ที่จัดเต็มทั้งไส้กรอก เบคอน แฮชบราวน์ ไข่คน และผักสีสันสวยงาม หรือใครจะลอง Spaghetti Hokkaido Scallop Aop (590 บาท) ที่เป็นอีกจานเด็ดก็ได้เช่นกัน

หลังจากนั้นก็วาร์ปมาถึงช่วงค่ำ เราว่าบรรยากาศของ Rolling Roasters ไม่เหมือนบาร์อื่นๆ ตรงที่มีพื้นที่โปร่งกว้าง ทำให้นั่งแล้วไม่แออัด สามารถพูดคุยกันได้สบายๆ พร้อมมีค็อกเทลดีๆ ให้ดื่มด้วย

แก้วที่เราได้ลองก็มี Mock Sun Umeshu (360 บาท) ที่ตั้งชื่อตามปรากฏการณ์บนท้องฟ้าอย่างพระอาทิตย์แฝด แก้วนี้มีความสดชื่น ใครชอบดื่มอูเมะชูน่าจะถูกใจ

X37 (340 บาท) ตั้งชื่อตามยานอวกาศ มีส่วนผสมของมะนาว สับปะรด และไซรัปเก๊กฮวย เหมาะกับคนที่อยากดื่มอะไรเข้มข้นขึ้นมาจากแก้วแรก

Virgin Virgo (360 บาท) เป็นแนว Spirit Forward และตั้งชื่อตามกลุ่มดาวราศี แก้วนี้ใช้ลิเคียวอินฟิวส์กับกล้วย มาพร้อมกล้วยอบแห้งให้กินตัดรสความเข้ม

หมวดสุดท้ายน่าสนใจ เพราะเป็นค็อกเทล Low Calories คือยังมีแอลกอฮอล์ให้จิบ แต่จะดีต่อสุขภาพขึ้นมานิดหนึ่ง เราแนะนำ Passion Caipirinha (360 บาท) ที่เด่นชัดด้วยเสาวรส จิบแล้วคล้ายน้ำผลไม้ เพราะฉะนั้นอย่าลืมตัวจนจิบเพลิน

ส่วนเมนูอาหารจะคล้ายกับช่วงกลางวัน เพียงแต่เน้นจานกินเล่น เช่น Caramari (250 บาท) หรือ Deep Fried Chicken with Jaew Sauce (180 บาท) เมนูนี้เด็ด รับรองใครมากับเพื่อนต้องแย่งกันทั้งโต๊ะ

Good for

ด้วยความที่ Rolling Roasters เปิดทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน ที่นี่จึงเหมาะทั้งกับคนที่อยากจิบกาแฟ กินมื้อสาย หรือแวะมานั่งเล่นยามบ่าย แล้วแวะมาอีกทีตอนค่ำ เพราะอยากชวนเพื่อนมาแฮงเอาต์หลังเลิกงานแบบไม่ต้องเดินทางไกล เพราะร้านเปิดอยู่ในย่านเอกมัยที่เดินทางง่ายมากๆ เพราะใกล้กับ BTS

แถมช่วงกลางดึกยังมีดีเจมาเปิดเพลงสนุกๆ ให้นั่งร้องตามหรือโยกตัวเบาๆ อีก เราว่าหากใครอยากหาร้านนั่งชิลทั้งตอนเช้าและตอนค่ำ แต่นึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี ที่นี่ควรอยู่ในชอยส์ของทุกคนนะ