×

กวาง-อรการ จิวะเกียรติ ลบคำว่าเหนื่อยออกจากชีวิตเพื่อแลกกับความสุขจากการเป็นผู้ประกาศข่าว

18.10.2023
  • LOADING...

“จงเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น” คติการใช้ชีวิตสั้นๆ แต่แฝงไปด้วยพลังที่หนักแน่นของผู้ประกาศข่าวสาวสายการเมืองที่ทุ่มเทให้กับงานที่ตัวเองรักกว่าทศวรรษในวงการ กวาง-อรการ จิวะเกียรติ 

 

 

น้ำเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเล่าข่าวในจอพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ผนวกกับแววตาที่จริงจังเพียงชั่วเวลาหนึ่ง กลับแลกมาด้วยเวลาเกือบทั้งชีวิตที่เธอต้องทุ่มเทให้กับวินัยในการฝึกฝน การทำการบ้าน การเสียสละชีวิตส่วนตัว การงดกินอาหารบางประเภทเพื่อรักษาสุขภาพเส้นเสียง ตลอดจนการเข้านอนตามอำเภอใจซึ่งเป็นพื้นฐานความสบายที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะได้รับ…ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะใครบังคับ ไม่ใช่เพราะเธอกำลังสานฝันให้ใคร แต่เป็นเพราะแพสชันต่อบทบาทการเป็น ‘ผู้ประกาศข่าว’ ที่หากเปรียบเป็นไฟก็คงเป็นเพลิงใหญ่ที่ไม่มีวันมอดดับ

 

 

แพสชัน ความรัก และไฟในการทำงานที่ไม่เคยมอดดับ ก่อตัวเป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่ที่ปลดล็อกศักยภาพของเธอจนก้าวข้ามอุปสรรคความท้าทายในสายงานข่าว และยังทำให้เธอค้นพบกับสมดุลชีวิตใหม่ที่เติมเต็มความสุขในชีวิตเธอได้ทุกวัน มาร่วมรับพลังบวกดีๆ จากผู้หญิงเก่งสุดแกร่งคนนี้ได้ใน Passion Calling x SHISEIDO with Kwang Orakarn

 

 

ปัจจุบันกวางทำอะไรอยู่บ้าง

 

ตอนนี้เป็นผู้ประกาศข่าวช่อง Nation TV ช่อง 22 ทำพิธีกรอีเวนต์ พิธีกรรายการต่างๆ

 

หากย้อนไปก่อนหน้านั้นล่ะ

 

เรียนจบก็เป็น KBank e-Girls 2 ปี เป็นพรีเซนเตอร์ของธนาคารกสิกรไทย 2 ปี ทีนี้มันจะมีจ๊อบเล็กๆ ในงาน e-Girls อยู่ ก็คือการอ่านข่าวของแบงก์ ซึ่งอันนั้นก็รู้สึกว่าสนุกดี ปรากฏว่าพอจบจาก e-Girls ก็มีผู้ใหญ่ให้โอกาส เหมือนเห็นผลงานก็เลยชวนมาทำรายการใน Money Channel เลยได้มาอ่านข่าว ตอนนั้นก็ชอบแหละ สนุกดีแต่ไม่ได้ใส่ใจ บอกตรงๆ เลย เพราะเหมือนเราเป็นแค่ตัวประกอบ 1 สัปดาห์เราอ่านข่าวแค่วันเดียวเอง

 

 

แต่ว่ามันจะมีจุดเปลี่ยนที่เป็นสถานการณ์บีบบังคับ…คือวันดีคืนดีมีผู้ประกาศหลักที่ลาออกกะทันหัน เหมือนทำงานอยู่วันนี้ พรุ่งนี้เขาไม่มาแล้ว ผู้ใหญ่ก็เลยโทรมาให้เราเข้ามาทำงานในวันรุ่งขึ้นเลย อันนั้นก็เป็นจุดเปลี่ยนทำให้กลายเป็นว่าต้องมาโฟกัสอ่านข่าวทุกวันและไปเทรนน้องๆ พอทำไปเรื่อยๆ ก็ชอบและสนุกกับมัน เลยทำงานด้านข่าวมาตลอด 15 ปี

 

 

จากจุดที่เราไม่ได้เสพข่าวด้านนั้นมาเลย แล้วเราต้องมาทำงานตรงนี้ มีการเตรียมตัวทำการบ้านอย่างไรบ้าง

 

ทำการบ้านเยอะมาก เราเชื่ออย่างหนึ่งว่าเราอยากจะทำอะไรเราก็ทำได้ อยู่ที่ว่าเราจะพยายามหรือเปล่า ช่วงนั้นนอนประมาณตี 2 แต่ตอนแรกมันจะเป็นความยากก่อนนะ เพราะเราไม่รู้ ไม่มีข้อมูล แล้วก็ยังไม่ได้รู้เรื่องของเศรษฐกิจเยอะ ตอนนั้นก็ทั้งดูในอินเทอร์เน็ต หาข้อมูลเศรษฐกิจ แล้วก็ไปซื้อพวกนิตยสารการเงิน การธนาคารมาเปิดอ่าน ข้อมูลไหนที่เป็นประโยชน์เราก็วงๆ แล้วก็จดจำเรื่องพวกนี้ไป ทีนี้ในรายการมันก็จะเป็นการเล่าข่าว มันก็สามารถเอาข้อมูลต่างๆ มาเสริมฝึกซ้อมอ่านข่าว ในยุคก่อนมันไม่มีมือถือ มันก็จะเป็นแบบกล้องวิดีโอ ตั้งอัดตัวเองดูหน้ากล้อง 

 

 

ด้วยความที่อายุยังน้อยแล้วต้องมาเป็นผู้นำ มีโมเมนต์ที่รู้สึกกดดันหรือคิดว่าตัวเองทำได้ไม่ดีพอไหม

 

ตอนนั้นไม่กดดันนะ ตอนนั้นมันมีแต่ความว้าว กลายเป็นว่าช่วงทำงานท้ายๆ น่าจะกดดันมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะว่าเราตั้งมาตรฐานตัวเองไว้สูงแล้ว แต่ตอนนั้นมันเหมือนนับหนึ่ง พอชีวิตมันเพิ่งเริ่มทำงาน เพิ่งเริ่มนับหนึ่ง มันไม่ได้มีความคาดหวังว่าต้องประเมินตัวเองทุกวัน ต้องตั้งมาตรฐานตัวเองไว้ แค่ได้ลงมือทำและสนุกกับเรื่องใหม่ๆ เท่านั้นเอง

 

 

ก่อนและหลังที่จะมาเป็นผู้ประกาศข่าว กวางมองคำว่า ‘ผู้ประกาศข่าว’ ไว้อย่างไร

 

ไม่ได้มองที่คำนะ แต่มองหน้าจอและรู้สึกว่าหน้าจอสวยงาม ผู้ประกาศข่าวดูน่าเชื่อถือ มีความเป๊ะ พูดชัดถ้อยชัดคำ แต่ว่าพอได้มาทำจริงๆ ภาพที่เราเห็นว่าสวยงามมันต้องแลกมากับหลายๆ อย่างมากๆ ทั้งเรื่องของความเสียสละ วินัย ความอดทน 

 

 

เราจะต้องดูแลตัวเอง ต้องทำการบ้านในทุกวัน ไม่เคยมีวันไหนไม่ทำการบ้านเลย ต้องคอยดูข่าว อัปเดตข่าวในทุกๆ วัน และต้องมีวินัยในเรื่องของการนอนเร็ว เพราะว่าทุกวันนี้มันเป็นรายการเช้า 2 ทุ่มต้องนอนแล้ว แล้วก็ตื่นตี 4 เพราะฉะนั้นที่บอกว่าต้องเสียสละ ก็คือเราอาจจะเสียชีวิตส่วนตัวไปบ้าง บางทีอยากไปกับเพื่อนนะ อยากไปแฮงเอาต์กับเพื่อน นัดนานๆ ที ซึ่งถ้านัดวันธรรมดาเราก็ไปไม่ได้…ก็ต้องทำใจในพาร์ตนี้ไปว่าเราต้องเสียมันไป แต่เราได้เรื่องวินัยกลับมา ได้ความฟินในการทำงานของเรา ก็ต้องแลกกัน

 

 

เล่าชีวิตประจำวันตั้งแต่ตอนตื่นให้ฟังหน่อย

 

รูทีนประจำวันก็ตื่นตี 4 มาดูข้อมูลก่อนเลย อัปเดตโซเชียลก่อนว่าเมื่อคืนที่เราหลับไปมันมีข้อมูลอะไรบ้าง 1. อัปเดตก่อน ไถฟีด 2. ดูกรุ๊ป LINE ที่เป็นกรุ๊ปข่าวเชิงวิเคราะห์ ตื่นขึ้นมาแจ้งเตือนก็เป็นร้อยแล้ว ก็ไล่ดูเก็บข้อมูล 3. เปิดรายการของช่องเนชั่นนั่นแหละ ดูข่าวของเมื่อคืน เขาเล่นอะไรไปบ้าง แล้วก็ดูว่าเราจะต้อง Phone-in ใคร เราก็จะมานั่งลิสต์ประเด็นคำถามของเราแล้วว่า สมมติวันนี้มี 3 โฟน รัฐมนตรีคนไหนบ้าง ประเด็นไหนก็ทำความเข้าใจประเด็นนั้น ลิสต์คำถามเอาไว้ นี่คือช่วงเวลาตอนเช้า

 

 

พอมาถึงสตูดิโอก็มานั่งอ่านทำความเข้าใจว่าจะเล่นเบรกไหน เรื่องอะไรบ้าง แล้วพอจบข่าว 10 โมง ก็เอาแล้ว ข่าวเริ่มมา ก็อัปเดตข่าว ถ้าวันนั้นเรารับงานข้างนอกด้วย พอกลับมาก็ต้องไล่ย้อนดูข่าวเที่ยง ข่าวบ่าย ข่าวเย็น รายการวิเคราะห์ ก็จะดูที่เป็นรูทีนที่เราต้องทำทุกวัน 

 

 

แสดงว่าดูข่าวทั้ง 3 เวลา

 

กวางดูตลอดเลย ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นอย่างไร แต่กวางดูค่อนข้างเยอะและดูหลายช่อง สมมติถ้าอยู่บ้านเปิดทีวี จะเปิดมือถืออีกเครื่องหนึ่ง พอรายการไหนโฆษณาก็จะเปิดเสียงอีกเครื่อง มันจะเป็นอย่างนี้ตลอด ถ้าไปรับงานข้างนอก ถ่ายเสร็จขึ้นรถไปก็ต้องฟังข่าว เปิดไลฟ์ย้อนดูตลอดว่ามีเรื่องอะไรและอัปเดตให้ทัน

 

 

เรื่องเวลาสำคัญมาก เพราะทำงานแข่งกับเวลาตลอด คนจะบอกกวางเยอะมากเลยว่าอ่านข่าวดูง่ายจังเลย หมายถึงว่ามันมีแค่สคริปต์มาแล้วอ่าน 2 ชั่วโมงก็จบ…แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิดเลย เบื้องหลังมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น คือเราทำงานแทบจะตลอดเวลา เพราะมันอัปเดตข่าวตลอด และบางทีเรื่องมันยาก เป็นเรื่องกฎหมายที่ลึกซึ้ง เราก็ต้องทำความเข้าใจกับมัน

 

 

จากรูทีนที่เล่าให้ฟังแทบจะเป็นงานหมดเลย แล้วการดูแลตัวเองแทรกเข้าไปตรงไหนบ้าง

 

แบ่งเวลานะ ด้วยความที่เปอร์เซ็นต์ของการทำงานค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นเวลาส่วนตัวที่มีน้อย แต่ก็จะพยายามจัดเต็มและโฟกัสกับมัน

 

ของกวางจะมี 3 พาร์ต พาร์ตเรื่องงาน พาร์ตเรื่องความสัมพันธ์กับครอบครัว คนรัก เพื่อนฝูง และอีกพาร์ตคือดูแลตัวเอง ให้เวลากับตัวเองเยอะๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ ทบทวนตัวเองบ่อยๆ 

 

 

การให้เวลากับตัวเองในแบบของกวางเป็นอย่างไร

 

กวางเป็นคนชอบจด เป็นคนชอบเขียน เหมือนวันนี้ก็จะเขียนว่า เรามีอะไรที่เราอยากทำและมีอะไรที่ต้องทำ จะต้องแบ่งกรอบก่อน กรอบที่ต้องทำจะเป็นงานยิบย่อยที่เราต้องทำ เหมือนเรารับงานไว้หรืองานข่าวเอง มันมีประเด็นไหนที่เราต้องตามกรอบที่ต้องทำ กับกรอบที่อยากทำว่ามีอะไรที่เรายังไม่ได้ทำบ้าง แล้วก็จะใช้ไฮไลต์สีแดงขีดว่าทำแล้ว มันรู้สึกดีมากเลย Mission Complete แล้วเวลามีสีแดงเยอะๆ มันดีต่อใจ

 

 

อยู่ในวงการนี้มา 15 ปี เคยมีโมเมนต์ที่เหนื่อยหรือท้อบ้างไหม

 

บ่อย เพราะว่าทุกอาชีพก็มีความเหนื่อยและท้อได้ ไม่แปลก เพราะบางทีมันก็ Overload ข้อมูล หรือทำงานเยอะ ตามข่าวเยอะมากๆ แต่ไม่เคยถอดใจกับอาชีพนี้เลย ไม่เคยมีความคิดแม้แต่หนึ่งครั้ง…ไม่มี 

 

 

มีวิธีจัดการกับความเหนื่อยอย่างไรบ้าง

 

มันเป็นเรื่องของเทคนิคส่วนตัว เราจะไม่พูดคำว่าเหนื่อย ห้ามพูดนะ ยิ่งพูดมันจะยิ่งดึงพลังเรา เราจะต้องบอกว่าเราไม่เหนื่อยเลย แต่สิ่งที่กระทบต่อความรู้สึกเราบางทีคือข่าวแนวฆาตกรรม ตีรันฟันแทง นองเลือดอะไรต่างๆ อันนี้เรารู้ทางตัวเองว่าไม่ใช่ทางนี้จริงๆ บางทีมันก็ Overload เลยทำให้รู้วิธีการจัดการตัวเอง ไปทะเล ปิดมือถือ พัก หยุด ไปว่ายน้ำ ไปโฟกัสอย่างอื่นแล้วมันก็หาย 

 

 

คิดว่าอะไรคืออุปสรรคที่หนักที่สุดที่เคยเจอตลอดการเป็นผู้ประกาศข่าว

 

ความยากของสายงานการเป็นผู้ประกาศข่าวที่สุดของกวางเลยคือการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า…เพราะว่าเราทำรายการสดตลอด เราไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง

 

 

ซึ่งมันเจอเรื่องนี้บ่อยมากๆ…จำเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ได้ไหม ตอนนั้นกวางอ่านข่าวภาคค่ำแล้วอ่านคนเดียว พอกำลังจะจบรายการก็ได้ยินเสียงบรรณาธิการผ่านหูฟัง พูดมาแค่หนึ่งประโยคว่า “เดี๋ยวเข้าข่าวด่วน มีระเบิดที่ราชประสงค์” เท่านั้นแล้วหูก็ดับไป… ข้างในวุ่นวายมาก กำลังหาข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในฐานะคนที่อยู่หน้าจอเราต้องรับกับมันทุกอย่าง เพราะเราต้องพยุงรายการ พี่มีแค่ประโยคเดียวในหูว่ามีระเบิดที่ราชประสงค์แล้วเราจะไปอย่างไรต่อ…ในใจนี่เต้นตุบๆ เราต้องใจเย็นที่สุด มีสติที่สุด 

 

 

กวางรู้สึกว่าความจริงใจต่อคนดูสำคัญมาก เมื่อเรารู้เท่านี้ เราก็บอกว่าเรารู้เท่านี้ แต่เรากำลังจะพาไปสู่ข้อมูลอื่นๆ ในภาษาข่าวจริงๆ ก็ต้องระวังมาก อะไรที่เรายังไม่ชัวร์จะพูดไม่ได้ 

 

จำโมเมนต์ครั้งแรกที่อยู่หน้ากล้องแล้วเราต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ไหม 

 

กวางขนลุกเลย…มันมีหลายเหตุการณ์มาก มีทั้งอ่านอยู่แล้วไฟดับ กล้องอัดอยู่แล้วไฟดับ แล้วต้องทำอย่างไร เราต้องเล่าข่าวต่อ ก็เปิดไฟฉายมือถือด้วยความเร็วสูงมาก 

 

มีอีกเหตุการณ์หนึ่ง ตอนนั้นทำรายการสัมภาษณ์เศรษฐกิจ 12 นาที กวางจำได้ตอนนั้นอ่านข่าวได้แค่ 3 เดือนเอง เข้ามาอยู่ช่อง 9 ซึ่งต้องสัมภาษณ์รัฐมนตรี รายการ 12 นาที ซึ่งเป็นรายการ Phone-in ช่วงโฆษณากำลังจะเข้ารายการก็บอกแขกรับเชิญท่านรัฐมนตรีว่า อีก 1 นาที กำลังจะเข้ารายการนะคะท่าน 

 

 

แล้วพอผ่านไปกำลังจะเข้ารายการแล้วบรรณาธิการนับ 5…4…3…2 จังหวะ 2 แขกเขาไปช่องอื่นแล้ว เขาวางสายไปแล้ว จังหวะ 1 เข้าหน้าแล้ว ไม่มีแขกให้สัมภาษณ์ จู่ๆ ลิ้นชักในหัวที่เหมือนมีอยู่ประมาณ 20 ลิ้นชัก เปิดออกมา แล้วข้อมูลที่เราทำการบ้านในลิ้นชักเหล่านั้นก็ถูกนำมาเล่าใน 12 นาที ไปเรื่อยๆ มันคือการแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด นั่นคือเหตุผลว่าทำไมต้องทำการบ้าน

 

 

สามารถพูดได้เต็มปากเลยไหมว่า ที่เราเป็นคนมีวินัยต่อการทำการบ้านมากๆ เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เราก้าวข้ามเรื่องที่ท้าทายที่สุดของการเป็นผู้ประกาศข่าวได้

 

ที่สุด การทำการบ้านคือที่สุด การเตรียมตัวคือที่สุด ยิ่งเรามีข้อมูลในมือเท่าไร มันยิ่งเป็นประโยชน์ต่อเราเท่านั้น 

 

ต่อให้เหนื่อยกับการทำการบ้านแทบจะ 24/7 แต่สิ่งที่ได้ถือว่าคุ้มค่า?

 

มันเป็นความฟิน เราจะประเมินตัวเองทุกวันว่าเต็ม 10 วันนี้เราให้เท่าไร ถ้าวันที่เราทำได้ดีแล้วเรารู้สึกว่าวันนี้ 9 วันนี้ 10 กวางฟิน มีความสุขมากเลย กวางจะแฮปปี้มาก โลกสดใส โลกสวยงาม แต่ถ้าเมื่อไรวันนี้ได้แค่ 7 รู้สึกว่าวันนี้ต้องได้ดีกว่านี้ ก็จะทำให้เรากลับมาทำการบ้านและฝึกซ้อมตัวเองมากขึ้น พรุ่งนี้มันต้องไม่ 7 แล้ว มันต้องขึ้นไป 9

 

 

การเป็นผู้ประกาศข่าวทุกวันนี้มันสอนหรือหล่อหลอมอะไรบ้าง

 

เยอะมากเลย มันสอนทั้งเรื่องการมีวินัย การที่ต้องยอมเสียสละชีวิตส่วนตัวและฝึกความอดทน และมันก็ได้สกิลงาน กวางว่ามันได้สกิลเยอะมาก ทำงานกับทีมงานที่มีผู้คนหลากหลายความคิด หลากหลายตำแหน่งที่มาอยู่รวมกัน ได้สกิลในการเล่าเรื่องและสัมภาษณ์ เอาแค่ 2 สกิลนี้นะ พี่ก็สามารถเอาไปต่อยอดในงานอื่นๆ ได้เยอะ ต้องขอบคุณอาชีพนี้มากๆ เลยนะ อีกทักษะหนึ่งที่ได้คือทักษะการใช้ชีวิตด้วยเหมือนกัน เพราะว่าในแต่ละเนื้อข่าวจะมีบทเรียนที่สอนเราค่อนข้างเยอะ

 

 

จากประสบการณ์ทำงานที่มีความท้าทายแบบนี้มาตั้งแต่จบใหม่ อยากรู้ว่า ‘Potential Has No Age’ ในมุมมองของกวางคืออะไร

 

กวางมองว่ามันเป็นเรื่องดีมากที่เราไม่มาตีกรอบของตัวเราเองด้วยตัวเลข ด้วยเรื่องของอายุ เพราะกวางรู้สึกว่าชีวิตคนเรามันเริ่มต้นใหม่ได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าคุณจะ 60, 70 คุณเริ่มต้นใหม่ได้ตลอด เราสามารถมี Next Chapter ของเราได้ตลอด แต่มันอยู่ที่ข้างในว่าเราพร้อมที่จะเริ่มใหม่หรือเปล่า ข้างในเราเฟรชแค่ไหน เพราะฉะนั้นอย่าไปตีกรอบตัวเองด้วยเรื่องของตัวเลข 

 

 

ด้วยสังคมการทำงานปัจจุบันที่รวดเร็วและเต็มไปด้วยแรงกดดัน อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังทุ่มเทให้กับงานทั้งชีวิตจนหาบาลานซ์ให้ตัวเองไม่ได้ 

 

ต้องแยกกันก่อนว่าคุณทุ่มเทเพราะคุณเอ็นจอยกับมันหรือเปล่า การที่เราจะทำงานได้ กวางมองว่ามันต้องมีแรงขับเคลื่อนข้างในว่าเราเอ็นจอยกับมัน มันไม่เห็นเสียหายตรงไหนกับการทำงานหนักแต่เราสนุก 

 

แต่ถ้าทำแล้วไม่แฮปปี้ อันนี้หยุดก่อนแล้วตั้งคำถามก่อนว่าที่เราไม่แฮปปี้เป็นเพราะอะไร หรือหันไปข้างหลังแล้วเรากำลังจะสูญเสียอะไรไปหรือเปล่า มันคุ้มค่าที่เราจะต้องแลกมาไหม

 

 

คิดอย่างไรกับการทำงานมากกว่าอาชีพเดียวในปัจจุบัน

 

กวางมองว่ามันเป็นโอกาสที่ดีมากๆ นะ กวางเองก็ทำงานหลายอาชีพมาตลอดในช่วงชีวิต แล้วยิ่งเราลองเท่าไร มันยิ่งเป็นโอกาสให้เราได้รู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร

 

เช่น ดีเจ, พิธีกรเกมโชว์, อาจารย์, สปีกเกอร์ เราจะพบว่าอันไหนเราทำไม่ได้ ไม่ถนัดจริงๆ ดังนั้นเรามาเลือกในสิ่งที่เราชอบและเราถนัดดีกว่า มันทำให้เราโฟกัสได้มากยิ่งขึ้น กวางว่ายิ่งได้ลองเรียนรู้มากเท่าไรยิ่งเป็นกำไรกับชีวิตมากๆ

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X