สเต็ปแห่งความหรรษาในวันที่อยากสังสรรค์ส่วนใหญ่คือหาร้านอาหารเติมกระเพาะให้อิ่มท้อง สั่งดริงก์ในร้าน หรือไม่ก็ไปบาร์ปาร์ตี้ต่อให้ครบลูป ซึ่งถ้าใครอยากหาร้านอาหารที่ครบจบทั้งเรื่องอาหาร ดริงก์ บรรยากาศ แถมยังมีคาราโอเกะให้อวดสกิลลูกคอร้อยชั้น เราอยากให้ลองแวะมาที่ OKĀSAN BANGKOK อิซากายะเปิดใหม่ย่านหลังสวนที่มีทุกอย่างตามที่ว่ามาจริงๆ
The Vibe
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นด้วยโทนสีแดงและถูกนำมาตีความให้โมเดิร์นยิ่งขึ้นผ่านภาพลักษณ์ของเกอิชา (Geisha) ซึ่งล้อไปกับคำว่า Okāsan ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า ‘แม่’ สะท้อนถึงบรรดาแม่ๆ ที่คอยเทรนเหล่าเกอิชาในการปรนนิบัติต้อนรับแขก
ดังนั้น OKĀSAN จึงไม่ขอตั้งตัวเป็นเพียงร้านอาหารและบาร์ แต่เป็น Entertainment House ที่พร้อมให้ความบันเทิงกับแขกทุกคนที่มาด้วยอาหารที่อร่อย ดริงก์ที่หลากหลาย บรรยากาศที่ดี รวมถึงคาราโอเกะชั้น 3 ที่จะทวีความสนุกให้กับค่ำคืน
ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าตัวร้านก็จะเจอกับบาร์ที่กว้างขวาง ไม่เบียด ลองไปนั่งดูแล้วก็เห็นได้เลยว่าต่อให้สั่งอาหารมาก็ไม่ต้องกลัวจานตกแตก
โดยรวมแล้วโซนพื้นที่ด้านล่างจะค่อนข้างเหมาะกับการนั่งชิลฟังเพลง ด้วยแสงไฟเองที่จะมีความสลัวกว่าชั้นอื่น บวกกับการมีดนตรีสดเสิร์ฟสองวันต่อสัปดาห์ ซึ่งหลักๆ จะเน้นเป็นสไตล์ Folk, R&B, Easy Listening ฟังได้ยาวๆ
ส่วนใครที่เน้นอิ่มเอมกับอาหารเราแนะนำให้ไปชั้น 2 ด้วยบรรยากาศและแสงไฟที่สว่างกว่าชั้นล่าง
หรือถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวพร้อมความบันเทิงขั้นสุด เราแนะนำให้จองห้องคาราโอเกะชั้น 3 ไปเลย ใช่แล้ว ที่นี่มีห้องคาราโอเกะ 3 ห้อง แบ่งเป็นห้องใหญ่ที่จุได้สูงสุด 25 คน และห้องเล็กที่จุได้สูงสุด 13 คน
สำหรับโต๊ะที่มียอดค่าอาหารและเครื่องดื่มรวมกันครบ 10,000 บาทขึ้นไป จะสามารถใช้ห้องคาราโอเกะใหญ่ได้ฟรี 2 ชั่วโมงแรก และจ่าย 700 บาท จากราคาปกติ 1,000 บาทต่อชั่วโมง สำหรับชั่วโมงที่ 3 เป็นต้นไป
ส่วนโต๊ะที่มียอดค่าอาหาร 6,000 บาท จะสามารถใช้ห้องคาราโอเกะเล็กได้ฟรี 2 ชั่วโมงแรก และจ่าย 500 บาท จากราคาปกติ 700 บาทต่อชั่วโมง สำหรับชั่วโมงที่ 3 เป็นต้นไป
ในส่วนของเพลงที่นี่ก็ถือว่าค่อนข้างใหม่เลยทีเดียว มีครบทั้งไทย สากล จะสายฝอหรือสายเกาก็มีหมด
หากก๊วนไหนอยากจะเอ็นจอยอาหารที่ชั้น 2 ให้อิ่มเอมก่อนแล้วค่อยไปปลดปล่อยความมันในห้องคาราโอเกะทีเดียวก็ทำได้เช่นกัน
The Taste
Fred หัวหน้าเชฟครึ่งฮอลแลนด์-ไทย เล่าให้ฟังว่าคอนเซปต์ของอาหารที่นี่จะเป็นอิซากายะที่ถูกนำมาตีความใหม่ให้โมเดิร์นยิ่งขึ้น และด้วยความรู้เรื่องอาหารฝรั่งเศสของเจ้าตัว เมนูอาหารของที่นี่จึงมีการผสานกลิ่นอายฝรั่งเศสลงไปด้วย เริ่มกันที่ Mentaiko Rigatoni (220 บาท) พาสต้าซอสครีมเมนไทโกะที่เชฟแสนจะภาคภูมิใจ เชฟต้องการให้พาสต้าจานนี้มีความครีมมี่นำ ตามด้วยรสชาติของเมนไทโกะทีหลัง ลองชิมแล้วก็ต้องยืนยันว่าละมุนจริงๆ ไม่เลี่ยน ยิ่งกินกับอิคุระยิ่งเข้ากัน
ต่อกันด้วย Hokkaido Corn Tempura (160 บาท) ข้าวโพดทอด จานที่ดูเบสิกแต่บอกเลยว่าต้องสั่งเพราะกินเพลินมาก ข้าวโพดมีความหวานกรอบอร่อย ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นคอมฟอร์ตฟู้ดสำหรับใครหลายๆ คน
Yakitori Set A เชฟนิยามเมนูนี้ว่ายากิโทริที่มีความคราฟต์ เพราะทางร้านใช้เวลาพัฒนาสูตรกว่า 4 เดือนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสูตรซอสทำเองที่คิดมาแล้วว่ารสชาติจะต้องถูกปากคนไทย หรือตัวไม้เสียบเองก็มีการสเปรย์สาเกลงไปด้วย
ในเซ็ตนี้จะประกอบไปด้วย Momo Shio/Tare (65 บาท) สะโพกไก่, Sori Shio (80 บาท) เนื้อระหว่างอกและสะโพก, Tebasaki Shio (80 บาท) ปีกไก่, Emon Miso Pesto (80 บาท) อกไก่ซอสเพสโต้ ซึ่งล้วนเป็นอะไรที่กินง่าย กินเพลิน เหมาะกับการจับคู่กับดริงก์เย็นๆ
ซึ่งทางร้านเองก็มีดริงก์ให้เลือกหลายแบบ แต่ที่ดูสะดุดตาเป็นพิเศษก็คือค็อกเทลและไฮบอล เริ่มกันที่ Signature Cocktail ที่นี่มีให้เลือกความแรงถึง 3 ระดับ Maiko เบา ดื่มง่าย สดชื่น, Geisha เน้นความเข้มขึ้นมาหน่อย มีความ Spirited-forward มากขึ้น และ Okāsan ที่แก้วเดียวก็พร้อมคึก
เราเลยสั่งเป็น Bijin (280 บาท) จากหมวด Geisha ที่มีเบสเป็นสาเก แต่คงความดื่มง่ายสดชื่นด้วยพีชและชาเขียว
และ Okāsan 3 (300 บาท) ที่ถือว่าเข้มใช้ได้อยู่กับรัมและยูซุ แต่ไม่ได้ดื่มยากจนเกินไป
ส่วนในหมวดของไฮบอลที่นี่เป็นของ Suntory และเช่นกันว่ามีหลายระดับความเข้มถึงใจให้เลือก ไหนๆ มาแล้วก็ต้องลองของหน่อย เลยเลือกเป็นระดับเข้มสุดกับ Cherry Earl Grey (300++ บาท) ที่รวบตึงเหล้า 3 ตัวไว้ด้วยกัน เติมความหอมด้วยไซรัปเชอร์รี เลมอน และเพิ่มความดื่มง่ายขึ้นมาหน่อยด้วยโซดา หากดื่มแก้วนี้ก่อนไปร้องคาราโอเกะแล้วเคลิ้มยาวเป็นชั่วโมงได้โดยไม่เหนื่อยก็ไม่แปลกใจ
หลังจากได้ดริงก์แล้วก็พร้อมแกล้มต่อ Jyou Gyu Tan Yaki (480 บาท) ลิ้นวัวคัดพิเศษย่างพร้อมมันแทรกฉ่ำ แต่เท็กซ์เจอร์มีความกรึบเด้งสู้ฟัน จิ้มกินกับวาซาบิคือดีมาก
อีกจานที่สายเนื้อต้องสั่งคือ Tenderloin Tataki (620 บาท) ยำเนื้อสไตล์ญี่ปุ่นที่ได้ทั้งรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดเล็กๆ จากพริกป่นญี่ปุ่นที่ค่อนข้างให้ความสดชื่น เท็กซ์เจอร์ของเนื้อจานนี้จะค่อนข้างนุ่ม อร่อยไปอีกแบบ
Mentaiko Yaki Onigiri (200 บาท) อีกจานที่ชาวเมนไทโกะน่าจะชอบกับข้าวปั้นเมนไทโกะย่าง ตัวข้าวมีความกรอบนอกนุ่มใน แนะนำให้รีบกินตอนร้อนๆ เพราะความอร่อยมันอยู่ตรงความกรอบนี่แหละ
Salmon Korokke (140 บาท) ถ้าชอบของทอดกินเล่นแนะนำให้สั่งคร็อกเกแซลมอน เชื่อเถอะว่ากินเพลินจริงๆ ไส้ข้างในละมุน ครีมมี่ลงตัว และยิ่งจิ้มกับครีมซอสด้านล่างยิ่งมันปาก
ปิดท้ายกับจานไฮไลต์ที่เชฟแนะนำและต้องยกให้เป็นจานติดดาวจริงๆ กับ Chicken Liver Mousse (180 บาท) ตับไก่บดที่เสิร์ฟมากับแยมแอปริคอตและขนมปัง ซึ่งตัวขนมปังก็จะมีการย่างเนยโชยุเพิ่มความหอมไปอีกระดับ จานนี้เรียกว่าครบรสหวาน เค็ม มัน กินเพลินสุดๆ และไม่หยุดที่ชิ้นเดียวแน่ๆ
Good for…
ไม่ต้องแยกที่กิน ดื่ม คาราโอเกะให้เสียเวลา เพราะที่ OKĀSAN BANGKOK มีทุกอย่างครบจบในที่เดียว อีกทั้งยังตอบโจทย์ทั้งสายลุยเดี่ยว มาเป็นคู่ ก๊วนเพื่อน และยิ่งถ้าชอบอาหารสไตล์อิซากายะอยู่แล้วยิ่งเหมาะ หากนำรถมาสามารถจอดได้ที่โครงการ Velaa Sindhorn Village แล้วเดินข้ามถนนมา
OKĀSAN BANGKOK
Open: เปิดวันจันทร์-เสาร์ (ปิดวันอาทิตย์) เวลา 17.00-01.00 น.
Address: 94, 1-2 Lang Suan Rd, Lumphini, Pathum Wan, Bangkok
Facebook: https://www.facebook.com/okasanbangkok
Instagram: https://www.instagram.com/okasanbkk/
Budget: อาหารเริ่มต้นที่ 55 บาท, ค็อกเทลเริ่มต้นที่ 260 บาท
Tel: 09 5982 0956
Map: https://maps.app.goo.gl/eZn1AYwLRx5F2cZV9