×

กลยุทธ์หลุดพ้นจากความเหนื่อย เครียด ซึมเศร้า ของเหล่าพนักงานออฟฟิศ

27.02.2024
  • LOADING...
พนักงานออฟฟิศ

ในยุคปัจจุบันที่ความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตกลายเป็นประเด็นร้อนที่ส่งผลกระทบต่อ พนักงานออฟฟิศ อย่างกว้างขวาง การดูแลสุขภาพจิตจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้นการดูแลสุขภาพจิตของตนเองจึงไม่ควรทำให้คุณรู้สึกเสียเปรียบหรือกลัวการถูกตัดสินเมื่อยื่นเรื่องขอลาในที่ทำงาน เพราะการตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจิตกำลังแผ่กระจายไปทั่วโลก และองค์กรต่างๆ ก็เริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตของพนักงานมากขึ้น การดูแลสุขภาพจิตจึงเป็นเรื่องสำคัญเท่ากับการดูแลสุขภาพกายที่ไม่ควรมองข้ามหรือละเลย หากคุณรู้สึกว่าต้องการเวลาหยุดพัก อย่าลังเลที่จะหยุดพัก การดูแลตัวเองไม่เพียงช่วยให้คุณกลับมามีประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณมีความสุขและมีสุขภาพจิตที่ดีในระยะยาวด้วย เพื่อรับมือกับปัญหานี้ LIFE จึงรวบรวมคำแนะนำสำคัญจาก Calm ที่สามารถช่วยให้พนักงานออฟฟิศป้องกันและจัดการกับความเครียดสะสม ความซึมเศร้า และความเหนื่อยล้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

  1. จากการสำรวจของ Calm พบว่า 81% ของพนักงานรู้สึกวิตกกังวลหรือเครียด 61% รู้สึกซึมเศร้า และ 68% มีปัญหาในการหลับบางวันหรือเกือบทุกวันในเดือนที่ผ่านมา สถิติเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเร่งด่วนในการดูแลสุขภาพจิตในที่ทำงานอย่างจริงจัง
  2. ป้องกันและจัดการกับความเครียดสะสม ความซึมเศร้า และความเหนื่อยล้า เริ่มจากการยอมรับความต้องการของตนเอง ควรกล้าพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการด้านสุขภาพจิตกับนายจ้าง ข้อดีของการหยุดพักเพื่อดูแลสุขภาพจิตสามารถช่วยให้คุณกลับมาทำงานได้ดีขึ้น
  3. ทำความเข้าใจนโยบายและวัฒนธรรมองค์กร ก่อนที่จะยื่นข้อเสนอหรือขอวันหยุดเพื่อเยียวยาสุขภาพจิต ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและวัฒนธรรมขององค์กรเกี่ยวกับสุขภาพจิต เพื่อทราบสิทธิ์และสิ่งที่องค์กรสนับสนุนได้ จะสามารถช่วยลดความกังวลและเตรียมคุณให้พร้อมสำหรับการสนทนาได้ดีขึ้น 
  4. ไม่จำเป็นต้องอธิบายทุกอย่างในการขอลาหยุดเพื่อพักผ่อนและรักษาสุขภาพจิต ไม่ควรต้องอธิบายอย่างละเอียดยิบกับนายจ้างหรือเพื่อนร่วมงาน ให้ข้อมูลเบื้องต้นก็เพียงพอแล้ว การรักษาความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญและควรได้รับการเคารพ
  5. ควรเตรียมบทสนทนาที่จำเป็นเกี่ยวกับการขอวันหยุด จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจและสื่อสารความต้องการของคุณได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น “ฉันรู้สึกว่าฉันต้องการเวลาหยุดพักเพื่อดูแลสุขภาพจิตของฉัน เพื่อที่ฉันจะสามารถกลับมาทำงานได้ด้วยความสดชื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
  6. สร้างสมดุลในชีวิตการทำงาน พยายามกำหนดเวลาสำหรับกิจกรรมที่คุณสนใจหรือทำให้คุณผ่อนคลาย การมีเวลาพักผ่อนและการดูแลตนเองที่ดีสามารถช่วยลดระดับความเครียดและป้องกันความเหนื่อยล้าได้อีกทางหนึ่ง 
  7. ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท หรือคุณหมอที่ดูแลด้านสุขภาพจิต คนเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการจัดการกับความเครียดและส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี อย่าลังเลที่จะแบ่งปันหรือระบายสิ่งที่คุณต้องการสื่อสาร เชื่อว่าการมีผู้ฟังที่ดีจะช่วยบรรเทาความทุกข์ในใจของคุณได้
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising