โครงการ Earth ต้นซอยสุขุมวิท 63 ใจกลางย่านเอกมัย เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อปลายปีที่แล้ว รวบรวมร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งจากเชฟระดับนานาชาติทั้งไทยและต่างประเทศ หนึ่งในนั้นที่อยากแนะนำให้แวะไปเช็กอินก็คือ La Brace (ลา บาเซ่) ร้านนี้มีสิ่งโดดเด่นที่น่าพูดถึงอยู่หลายอย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดคือร้านนี้มีหุ้นส่วนคือ ‘จ้อ-พัชรินทร์ เหมอังกูร’ เจ้าของบริษัท กูร์เมท์ วัน ฟู้ดส์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ทำอาหารระดับพรีเมียมเจ้าใหญ่ของเมืองไทย หลังจากที่เป็นซัพพลายเออร์ให้กับบรรดาโรงแรม 5 ดาวและร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งมากว่า 20 ปี ก่อนหน้านี้ไม่นานเธอได้เปิดร้าน Sooooo Goood Gourmet ขึ้นในย่านชานเมืองอย่างราชวินิตบางแก้ว ซึ่งเป็นร้านที่แม้กระทั่งคนสรรหาของกินที่อยู่ใจกลางกรุงยังยอมดั้นด้นไปเพื่อลิ้มรสความอร่อย จนล่าสุดก็เพิ่งเปิดพรีโอเพนนิง ลา บาเซ่ ตามมา ซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะสมมาก เพราะเป็นภาษาอิตาเลียนอันหมายถึง ‘ถ่านที่กำลังคุ’ สื่อถึงร้านอาหารที่ให้ความสำคัญกับการย่างหรือกริลล์ด้วยเตาถ่าน เป็นทั้งเมดิเตอร์เรเนียนกริลล์และไวน์บาร์ร้านนี้ ด้วยมาตรฐานผู้นำเข้าวัตถุดิบไฟน์ไดนิ่งระดับกูร์เมท์ วัน ลา บาเซ่ จึงไม่ทำให้คนชอบกินอย่างเราผิดหวัง
The vibe
ด้วยเพดานสูงโปร่งถึง 8 เมตร จึงสว่างสดใสด้วยแสงธรรมชาติ บรรยากาศออกแนวเรียบหรูเล็กๆ แต่ก็ลำลอง พื้นที่ร้านกว้างขวาง เน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สร้างโทนอบอุ่น ภายในร้านมีทั้ง Oyster Bar, Champagne & Wine Bar และ Charcuterie Selection Counter และที่เด่นอีกอย่างคือครัวแบบเปิดให้มองเห็นถึงความเป็นมืออาชีพของทีมเชฟ แถมยังชวนให้อยากอาหาร นอกจากนี้ยังมีชั้นลอยสำหรับจัดเลี้ยงส่วนตัวอีก 2 ห้อง และห้องไวน์ซึ่งมีไวน์จากแหล่งผลิตและไวเนอรีชั้นนำทั่วโลกกว่า 300 ฉลากให้เลือกแพริ่งกับอาหาร
The taste
แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นผู้นำเข้าวัตถุดิบชั้นนำระดับพรีเมียม ทางร้านจึงให้ความสำคัญเรื่องวัตถุดิบคุณภาพสูงเป็นอย่างแรก ที่นี่มีเนื้อวัวเกรดพรีเมียมจากออสเตรเลีย แบรนด์เก่าแก่และมีชื่อเสียงอย่าง Westholme และ Stockyard, ซี่โครงแกะจากแบรนด์ Ambassador, ซีฟู้ดจากแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงทั่วโลกทั้งยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย, เส้นพาสต้าจาก De Cecco แบรนด์คุณภาพอันดับ 1 ของอิตาลี, ชีสหลากหลายชนิดจากแบรนด์ดังของฝรั่งเศส รวมถึงวัตถุดิบอื่นๆ เช่น ผักและผลไม้สดใหม่หมุนเวียนตามฤดูกาล ทุกอย่างล้วนได้รับการคัดสรรและสั่งตรงมาจากทั่วทุกมุมโลก ปรุงผ่านการดูแลโดยเชฟมาร์ค เฮเก็นแบ็ค ผู้เคยเป็นเชฟใหญ่ให้กับโรงแรมชื่อดังหลายแห่ง รวมถึงโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ
เราเริ่มต้นมื้อนี้กันด้วย ขนมปังฟอคคาเซีย คอมพลีเมนทารีจากทางร้าน ซึ่งปกติมักเสิร์ฟมาให้กินกับน้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชูบัลซามิก แต่เชฟมาร์คเสิร์ฟน้ำมันมะกอกมาให้กินคู่กับเกลือผสมเครื่องเทศและถั่วบดหลากชนิด ขนมปังเนื้อดีอร่อยเข้าที่ไปอีกแบบ, Duck Pastrami (600 บาท) อกเป็ดพาสตรามีตำรับโฮมเมด ที่นำไปหมักซึมซับไวน์แดงและเครื่องเทศจนได้สีชมพูสวยและกรุ่นกลิ่นหอม เหมาะกับการกินคู่จิบไวน์แดง ตามมาด้วย French White Asparagus & Jamon Iberico (600 บาท) หน่อไม้ฝรั่งขาวสดหวานกับซอสครีมมี่นุ่มนวล และแฮมหมูดำไอเบริโก
Spanish Style Garlic Prawns (950 บาท) กุ้งลายเสือสดหวานจากน่านน้ำไทย นำมาปรุงกับกระเทียมและน้ำมันมะกอกแบบสเปน, Truffle Cheese Souffle (450 บาท) ชีสซูเฟลเลือกใช้ฮาร์ดชีสที่บ่มจนได้ที่หมุนเวียนเปลี่ยนชนิดกันไปในแต่ละวัน ท็อปด้านบนด้วยทรัฟเฟิลครีม นำไปอบสองครั้ง จานนี้ทั้งหอมและนุ่มนวล เป็นจานที่หมายใจว่าจะกลับมากินซ้ำ ส่วน Grill Imported Seabass (1,500 บาท) ก็ย่างมาแบบสดๆ กรุ่นกลิ่นย่างถ่านไม้ เสริมความสดชื่นด้วยเคเปอร์และเลมอน เป็นจานเบาๆ ไลต์ กินง่าย
ส่วนจานพาสต้า เชฟมาร์คเสิร์ฟ Truffle Mushroom Tagliatelle Pasta (550 บาท) พาสต้าเส้นแบน กรุ่นกลิ่นทั้งเห็ดทรัฟเฟิลและเห็ด และอีกหนึ่งจานไฮไลต์นั่นคือ Wagyu A5 Striploin Westholme 388 กรัม (2,522 บาท) นอกจากจะย่างมาด้วยเตาที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้ปรับเลื่อนควบคุมไฟได้สะดวกแล้ว เนื้อทุกชิ้นของลา บาเซ่ ยังผ่านกรรมวิธี Wet-Aged นำเนื้อไปหมักหรือบ่มเปียกควบคุมอุณหภูมิ เป็นเวลาประมาณ 45-60 วัน เพื่อให้เอนไซม์ย่อยเนื้อให้นุ่มโดยไม่ทำให้สูญเสียความชุ่มฉ่ำ ผลที่ได้คือเนื้อที่มีคุณภาพ สีสวย นุ่ม แถมยังได้รสชาติเข้มข้นขึ้นอีกด้วย เนื้อจานนี้เชฟมาร์คย่างมาแบบมีเดียมพอดิบพอดี และยังมีเกลือพิเศษกลิ่นทรัฟเฟิล กับซีเล็กชันของมัสตาร์ดเกรดพรีเมียม แต่ที่เด็ดสุดคือมัสตาร์ดกลิ่นคอนยักหอมๆ เสิร์ฟคู่เสริมความอร่อยมาให้อีกด้วย
Good for…
ใครที่ชอบรับประทานอาหารคุณภาพในราคาสมเหตุสมผลจะต้องชอบร้านนี้ นอกจากนี้ด้วยทำเลใจกลางย่านเอกมัยและการตกแต่งร้านในสไตล์แคชวลดูดีแต่ไม่หรูทางการมากเกินไป เหมาะสำหรับนัดชิลสังสรรค์ และในช่วงพรีโอเพนนิงนี้ ทางร้านยังจัดโปรโมชัน Lunch Set 3 คอร์ส ราคาดี 490 บาท (บริการทุกวัน ระหว่างเวลา 12.00-16.00 น.) ให้ได้อิ่มอร่อยในราคาสบายกระเป๋า ส่วนใครที่ชอบทำกับข้าว ทางร้านก็ยังมีวัตถุดิบอาหารให้เลือกช้อปกลับไปเป็นเสบียงที่บ้านอีกด้วย
Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 12.00-22:00 น.
Address: โครงการ Earth Ekamai สุขุมวิท ซอย 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
Facebook: La Brace Ekamai
Budget: 450-5,000 บาท
Map:
ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์