สิ่งแรกที่เราเห็นทันทีว่าแตกต่างไปจากครั้งก่อนที่แวะมาชิมอาหารที่ INDDEE ก็คือ ตอนนี้ร้านมีรางวัล MICHELIN Star วางประดับไว้ตรงหน้าทางเข้าแล้ว บอกตรงๆ ว่านี่คือหนึ่งในร้านที่น่าสนใจที่สุดตั้งแต่เปิดตัวใหม่ๆ และครั้งแรกที่เราได้มาลองก็ยังจำประสบการณ์นั้นได้ดี ทำให้การกลับมาที่ INDDEE อีกในครั้งนี้ เราเองก็อยากรู้ว่าทั้งร้านและอาหารจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
INDDEE ตั้งอยู่ในซอยหลังสวน เป็นร้านอาหารอินเดียไฟน์ไดนิ่งที่หยิบเมนูของแต่ละแคว้นถิ่นมาตีความและนำเสนอใหม่ เพื่อพาเราเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศอินเดียผ่านอาหารแต่ละจานที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่า โดยตอนนี้ร้านแบ่งเมนูเป็น 3 เส้นทาง คือ 7 Destinations และ 9 Destinations ที่มีเมนูมังสวิรัติด้วย
วันนี้เราได้ลองเมนู 9 คอร์สพร้อมกับ Beverage Experience ที่มีเครื่องดื่มหลายสไตล์จับคู่อาหาร มื้อนี้เริ่มจาก Opening Bites ของกินเล่น 3 อย่าง ได้แก่ Oyster หอยนางรมกับซอส Sol Kadhi, Indian Tea Time เราชอบพาโกราคำเล็กๆ คล้ายผักทอดสไตล์อินเดีย คำนี้รสชาติดีมาก มาคู่กับ Khari Chai ขนมทรงกรวยกรอบๆ กับซุปร้อนๆ
ของกินเล่นอีกเมนูที่ต้องพูดถึง Understanding Chapata เชฟบอกว่าเขาจับเมนู Chaat และ Pani Puri มารวมร่างกัน จึงกลายเป็น Chaat เวอร์ชันเย็นที่มีรสชาติคล้ายซอสใน Pani Puri เมนูนี้เชฟจะมาทำให้ถึงข้างโต๊ะ และเราว่าเป็นเมนูที่ไม่เหมือนใครดี
ก่อนเริ่มคอร์สแรกด้วย Before Chillies เรื่องราวก่อนประเทศอินเดียจะมีพริก จานนี้จึงมีรสชาติของผงกะหรี่ด้านล่าง ตัดด้วยโฟมกะทิ ผักกรอบ และลูกชิ้นสไตล์อินเดียที่ด้านในเป็นเครื่องเทศ
When the Portuguese Came เมื่อชาวโปรตุเกสเริ่มเข้ามา ประเทศอินเดียก็เริ่มนำวัตถุดิบใหม่ๆ มาใช้ และหนึ่งในนั้นก็คือน้ำส้มสายชู เชฟจะย่างกุ้งคาราบิเนรอสให้ดูตรงหน้าด้วยถ่าน ก่อนเสิร์ฟกุ้งเนื้อนุ่มหวานโรยเกลือญี่ปุ่นให้กินคู่กับเซวิเชสับปะรดและมันกุ้งในเปลือกหัวกุ้ง
Odd One Out น่าจะเป็นเมนูที่ทุกคนชอบ เพราะเสิร์ฟเนื้อปูคำโตๆ พร้อมซอสเคลือบเนื้อปู และด้านล่างยังมีเนื้อปูผัดเนยที่เพิ่มความกรุบกรอบให้กินแล้วไม่เลี่ยนด้วย
Queen of Pickles เป็นเมนูจากเมืองโกลกาตาแถบริมน้ำ จานนี้จึงใช้เนื้อปลาคอดนำไปย่างถ่าน เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง 4 รสชาติที่ทำให้จานนี้ไม่น่าเบื่อ และหากใครสั่งเมนู 9 คอร์ส จะมีเมนู Bread Intermission ให้เลือกขนมปังเองด้วย โดยมีทั้งหมด 6 ชนิด แต่ละอย่างน่าสนใจจนเราเองก็เลือกไม่ถูก
ไปต่อกันที่ Kebab-Loving King เคบับจากแคว้นอวัธที่เชฟนำเสนอใหม่ด้วยการใช้ฟัวกราส์จับคู่กับองุ่น แพร์ และซอสรสชาติเข้ากัน เวลากินให้ตักฟัวกราส์ป้ายลงบนขนมปังเนื้อสัมผัสกรอบพร้อมซอสนิดหน่อย
เมนคอร์สมีให้เลือก 3 อย่าง คือ ไก่, แกะ (490++ บาท) และปลาไหล ที่เสิร์ฟเป็นเมนู Yesterday’s Rice เนื้อปลาไหลย่างนุ่มๆ เคลือบซอสสีสวย เสิร์ฟให้กินคู่กับ Curd Rice สไตล์อินเดียที่รสเปรี้ยวนิดๆ และแครกเกอร์ เชฟบอกให้กินคล้ายกับทาโก้ได้เลย
ก่อนปิดท้ายด้วยของหวานสไตล์อินเดีย A Tale of Milk & Sugar โยเกิร์ตอบกับน้ำดอกกุหลาบ และ Gucci Hunt ไอศกรีมกับเห็ดมอเรลสอดไส้ ที่ช่วยตัดจบมื้อนี้ได้อย่างละมุน
เราว่าประสบการณ์ครั้งนี้สนุก แปลกใหม่ และทำให้ได้เห็นอาหารอินเดียในอีกมุมหนึ่งที่อาจไม่มีทางได้เห็นทั่วๆ ไป ถ้าใครเป็นคนชอบอาหารอินเดียจะต้องอินกับที่นี่แน่นอน หรือใครที่ไม่เคยชิมมาก่อน เราก็มั่นใจว่าต้องเอ็นจอยเช่นกัน เพราะเชฟทำให้ทุกอย่างเข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย ไม่ยากจนเกินไปสำหรับมือใหม่
ส่วนเครื่องดื่มแพริ่ง ถ้าใครอยากเปิดโลกใหม่ด้วยการจิบอุเมะชู, ไวน์, สาเก และเบียร์ คู่กับอาหารอินเดีย ให้เลือกแพริ่งเดียวกับเราเลย
INDDEE
Address: ซอยหลังสวน
Open: เปิดทุกวัน เวลา 17.30-23.30 น.
Contact: www.inddeebkk.com
Budget:
- 7 คอร์ส 3,500++ บาท และ 9 คอร์ส 4,200++ บาท (คอร์สมังสวิรัติ 3,500++ บาท)
- เครื่องดื่มแพริ่ง Beverage Experience ราคา 3,950++ บาท และ Wine Experience ราคา 4,500++ บาท
Map: https://maps.app.goo.gl/hhUe3c7jNM8ygg1u7