เราสงสัยมาโดยตลอดว่า ‘อาหารเกาหลีไฟน์ไดนิ่ง’ จะมีหน้าตาและรสชาติเป็นอย่างไร เพราะในเมื่อคนไทยส่วนใหญ่รู้จักอาหารเกาหลีกันดี ฉะนั้นหากได้ชิมแล้วจะรู้สึกตื่นเต้นกว่าเดิมหรือเปล่า…หรืออาจรู้สึกเหมือนตอนเจอผัดกะเพราในร้านอาหารหรูที่รสชาติสู้ร้านริมทางไม่ได้
จึงไม่แปลกที่หลายคนจะคาดหวังและตื่นเต้นกับ ‘Edward Kwon Bangkok’ ป๊อปอัพอาหารเกาหลีไฟน์ไดนิ่งนาน 3 เดือนครั้งนี้ที่นำโดย เชฟเอ็ดเวิร์ด ควอน เซเลบริตี้เชฟยุคแรกๆ ของประเทศเกาหลีใต้ ผู้เป็นเจ้าของและเฮดเชฟแห่ง LAB XXIV by KUmuda ร้านอาหารเกาหลีผสมยุโรปไฟน์ไดนิ่ง ณ ริมทะเลเมืองปูซาน ซึ่งได้รางวัลหนึ่งในร้านอาหารยอดเยี่ยมจากการจัดอันดับ La Liste 2023 ของประเทศฝรั่งเศส
The Vibe
Edward Kwon Bangkok เทกโอเวอร์ช่วงเย็นของห้องอาหาร Niche ในชั้นล็อบบี้ของโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อย บรรยากาศด้านในตกแต่งอย่างโมเดิร์นผสมดั้งเดิมอยู่แล้ว ก็เข้ากับอาหารที่จะเสิร์ฟดี และมีโซนครัวเปิดให้นั่งมองทีมเชฟได้ด้วย
โดยเชฟเอ็ดเวิร์ดจะไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอด แต่เขาส่งทีมจาก LAB XXIV by KUmuda มาประจำตลอด 3 เดือน
ส่วนสิ่งที่เติมเข้ามาคือชุดพนักงานที่สั่งตัดใหม่ เป็นชุดฮันบกแบบโมเดิร์น และป้ายสีแดงเด่นหราชื่อ Edward Kwon Bangkok พร้อมภาษาเกาหลีที่แปลว่า ‘รสชาติอาหารเกาหลีเมืองปูซาน ถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่’ เพราะฉะนั้นรสชาติที่ทุกคนจะได้ชิมจะเป็นสไตล์เมืองปูซานของแท้ เราถามเชฟมาแล้ว เขาบอกว่านี่คือรสชาติที่ไม่ได้แต่งเติมเลย
Sae Woo Jang
Bulgogi
Dakgalbi
Yukhoe
Gimmari
The Taste
อาหารมีทั้งหมด 12 คอร์ส เชฟเอ็ดเวิร์ดบอกว่า “วัตถุดิบส่วนใหญ่ส่งตรงจากประเทศเกาหลี หรือวัตถุดิบเกาหลีหลายๆ อย่างโชคดีที่หาไม่ยากในประเทศไทย” นี่น่าจะเป็นเพราะพวกเราชื่นชอบอาหารเกาหลีกันมากๆ ด้วยนั่นละ
เริ่มด้วย 5 เมนูแรกที่เชฟอยากให้กินเป็นคำๆ ‘แซอูจัง’ ทาร์ตกุ้งหมักโชยุเกาหลีกับยูซุและสาหร่าย ‘บุลโกกิ’ ทุกคนน่าจะคุ้นเคยดี แต่เชฟเปลี่ยนใหม่เป็นข้าวหมักซอสถั่วเหลืองสอดไส้ชีสและเนื้อ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ก่อนนำไปทอดและโรยทรัฟเฟิล เราชอบคำนี้นะ เหมือนกินบุลโกกิที่ผสมดีแล้ว 1 คำ
‘ทัคคัลบิ’ เวอร์ชันนี้ก็ดี เพราะกินแล้วยังเป็นไก่ผัดซอสเกาหลีที่เผ็ดนิดๆ และมีความกรอบเพิ่มเข้ามา ก่อนตัดรสทั้งหมดด้วย ‘ยุกฮเว’ เนื้อดิบสไตล์เกาหลีบนขนมปังบริยอช ท็อปด้วยแพร์เกาหลีและคาเวียร์ สองเมนูนี้กรอบ นุ่ม สดชื่น และแบ่งกินสองคำได้ไม่เป็นไร
‘คิมมารี’ เราชอบมากๆ เป็นโอโทโรกับกิมจิในสาหร่ายกรอบๆ ท็อปด้วยอูนิ กินแล้วรสชาติหลายมิติมาก
Corn Tarak-Jook
Abalone Jjim
Mulhoe
เราเฝ้ารอเมนูโจ๊กนม ‘ทาราจุก’ เป็นอาหารเกาหลีโบราณ เชฟสกัดจากข้าวโพดหวาน เสิร์ฟพร้อมข้าวโพด หมึก มันฝรั่งนุ่มๆ และครีมออยล์ รสชาติลองนึกถึงซุปข้าวโพดสไตล์เบาๆ
‘หอยเป๋าฮื้อตุ๋น’ ยกให้เป็นอีกไฮไลต์เด็ด เป๋าฮื้อเนื้อนุ่มหนึบเข้ากับไข่ตุ๋นเนื้อละมุน ซุป ไข่ปลาแซลมอน และเห็ดเอโนกิ หลังจากนั้นค่อยตัดรสด้วยความสดชื่นก่อนเข้าสู่เมนคอร์สด้วย ‘มุลฮเว’ ซุปเย็นกับหมึกและซาชิมิปลาซีบรีม
เราชอบ ‘ซัมชีกุย’ เป็นเมนูอาหารเกาหลีโบราณ เชฟนำปลาแมคเคอเรลเนื้อแน่นไปย่าง เสิร์ฟพร้อมซอส 3 สี ทำจากพริก มิโซะผสมโคชูจัง และกุยช่าย แต่ละรสชาติเสริมเนื้อปลาให้กินสนุก ก่อนตามด้วยเมนคอร์สของจริง ‘คัลบิ’ เนื้อวากิวสุดนุ่มกับ ‘พันชัน’ เครื่องเคียงเกาหลี 6 อย่างที่เสริมรสชาติเนื้อให้ตาลุกวาวขึ้นไปอีก
ส่วนของหวานปิดท้ายคือ ‘ฮูชิก’ ไอศกรีมสาหร่ายเกาหลีกับซอร์เบตส้มเขียวหวาน
Samchi Gui
Galbi with Banchan
Hu Sik
Good for…
Edward Kwon Bangkok เป็นอาหารเกาหลีไฟน์ไดนิ่งที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังพิเศษ น่าจะเป็นอีกประสบการณ์ที่ดีสำหรับคนอยากลองอาหารเกาหลีในมุมใหม่ๆ และอย่างที่เห็นว่าเชฟใช้ของทะเลค่อนข้างเยอะ นั่นก็เพราะเขากำลังนำเสนอรสชาติของเมืองปูซานให้คนกรุงเทพฯ ได้ชิม เผื่อว่าทริปหน้าทุกคนจะอยากบินไปหาเชฟถึงถิ่นบ้าง
Edward Kwon Bangkok
Open: เปิดวันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร) เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
Address: ชั้นล็อบบี้ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
Contact: Website
Facebook: Siam Kempinski Hotel Bangkok
Budget: 12 คอร์ส 4,900++ บาทต่อคน
Map:
- ป๊อปอัพเริ่มตั้งแต่วันนี้ – 7 ตุลาคม 2566 เท่านั้น