Doodle Izakaya ร้านที่ทำให้อิซากายะดูโมเดิร์นขึ้น สนุกขึ้น และมาร้านเดียวไม่ต้องไปต่อที่อื่น

นี่คืออิซากายะที่ไม่เหมือนอิซากายะ

ถ้าพูดถึงอิซากายะ หลายคนคงนึกถึงร้านกินดื่มญี่ปุ่นที่บรรยากาศร้านดูมีความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ ทั้งป้ายโฆษณา โคมไฟ เครื่องดื่มวางเต็มร้านไปหมด แต่ที่ Doodle Izakaya แตกต่างออกไป เพราะเขาหยิบเอาองค์ประกอบของร้านอิซากายะเดิมมาทำให้ดูโมเดิร์นขึ้น ทั้งการตกแต่งร้าน เมนูอาหารที่มีความเป็นญี่ปุ่นแต่เติมความร่วมสมัยเข้าไป และเครื่องดื่มที่ขยับเอาเมนูคลาสสิกจากอิซากายะมาทำคล้ายค็อกเทลมากขึ้น และพิเศษสุดๆ เพราะนอกจากจะมากินข้าว แฮงเอาต์กับเพื่อนได้แล้ว มาที่นี่ไม่ต้องไปต่อร้านอื่น เพราะตอนดึกๆ เขาเปลี่ยนตัวเองเป็นบาร์ที่มีดีเจ!

The Vibe

ลืมภาพอิซากายะแบบดั้งเดิมไปก่อนเลย เพราะที่นี่เขาทำให้ร้านดูโมเดิร์นมากขึ้น ตั้งแต่ภายนอกร้านที่โครงเป็นเหมือนบ้านเก่าแล้วมาตกแต่งให้มีกลิ่นอายญี่ปุ่นเล็กๆ ดูอบอุ่นเหมือนได้มาดื่มร้านเพื่อน แถมเติมความสนุกด้วยการตกแต่งร้านโดยรูปที่ทำให้นึกถึงป้ายโฆษณาในร้านอิซากายะดั้งเดิม และแน่นอนตามชื่อ Doodle ใครมาที่นี่ก็มาวาดแก้วสนุกๆ ได้ แถมข้างนอกเขามีโฟโต้บูธให้มาแวะถ่ายรูปก่อนกลับด้วย

The Taste

เมนูอาหารเครื่องดื่มของที่นี่มาในคอนเซปต์โมเดิร์นอิซากายะ คือยังมีความเป็นเมนูอิซากายะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอยู่ แต่ทำให้โมเดิร์นมากขึ้นด้วยการเติมวัตถุดิบใหม่ๆ ลงไป และมีบางเมนูที่อาจไม่ได้มีความญี่ปุ่นมาก แต่น่ามีในอิซากายะ เขาก็มีด้วย ส่วนเครื่องดื่มที่นี่เป็นอิซากายะแบบมีค็อกเทลและม็อกเทล ซึ่งเขาหยิบเอาส่วนผสมแบบญี่ปุ่นมาเป็นส่วนประกอบด้วย

เมนูอาหารที่ร้านแบ่งเป็นหลายหมวดด้วยกัน โดยใครที่มานั่งแล้วอยากสั่งอะไรเบาๆ กินไปคุยไป แนะนำ Snowy Truffle Toast (ราคา 280 บาท) สำหรับคนชอบชีสและทรัฟเฟิล หรือถ้าชอบความมันหน่อยแนะนำ Smoked Ankimo Pate (ราคา 330 บาท) แต่ถ้าชอบกินปลาดิบสดชื่นๆ เบาๆ ก็แนะนำ Hamachi Crudo (ราคา 420 บาท) หรือ Gamo Moriwase (ราคา 550 บาท)

แต่คนที่มาร้านนี้หลายคนก็เลือกมากินกันเป็นมื้อหลักเลย ถ้าคุณเป็นคนชอบเมนูเส้น แนะนำให้ลองเมนูขายดีของร้านคือ Mentaiko Cream Pasta (ราคา 320 บาท) เป็นเมนูที่มีความเค็มๆ มันๆ แต่ถ้าชอบเนื้อแนะนำ Picanha Steak Pasta (ราคา 470 บาท) ซึ่งสามารถเลือกความสุกของเนื้อได้ แต่ถ้าสายเนื้อที่อยากกินเนื้อเต็มๆ เขามี Tenderloin Steak With Shoyu Butter Sauce (ราคา 1,099 บาท)

อีกเมนูจานหลักที่ไม่อยากให้พลาดของร้านนี้คือ Freakin’ Hot Curry Rice (ราคา 320 / 350 บาท) สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นไก่หรือเนื้อ แต่ที่น่าประทับใจคือเขาเป็นแกงกะหรี่แบบเข้มข้น และแอบมีความเผ็ดชาเพราะเติมหม่าล่าเข้าไปด้วย ใครชอบความเผ็ดเข้มข้นต้องสั่งเมนูนี้

มาอิซากายะทั้งทีจะไม่สั่งเมนูเสียบไม้ย่างได้อย่างไร ถ้าใครคิดอะไรไม่ออกแล้วเป็นคนชอบกินเครื่องใน แนะนำ Yakitori Set A (ราคา 280 บาท) เป็นเซ็ต 5 ไม้ที่หลากหลาย ย่างมาไม่แห้งเกินไป แต่ถ้าคุณมองหากับแกล้ม แนะนำ Spicy En Kor Gai Tod (ราคา 150 บาท) อธิบายง่ายๆ มันคือเอ็นข้อไก่ทอดที่มีผงหม่าล่าอยู่

เมนูเครื่องดื่มแบบที่อิซากายะทั่วไปมี ที่นี่ก็มีครบ แต่ที่พิเศษคือมีค็อกเทลด้วย เราเลยลองสั่ง Yuzu Whisky Sour (ราคา 350 บาท) เป็นค็อกเทลที่มีความเปรี้ยว หลายคนชอบสั่ง อีกแก้วที่สั่งคือ Wasadori (ราคา 370 บาท) ส่วนผสมหลักเป็นจิน มีกลิ่นวาซาบิและเมลอนเบาๆ

Good for

ร้านนี้เหมาะกับมาเดตก็ได้ มาฉลองกับแก๊งเพื่อนในโอกาสสำคัญก็ได้ เราว่าเหมาะกับการมานั่งในวันที่รถติดช่วงเย็นๆ แบบแวะมากินมื้อเย็นเสร็จก็ดื่มต่อได้เลย และยิ่งดึกจะค่อยๆ หรี่ไฟลง เพื่อเปลี่ยนไวบ์ร้านให้เหมือนบาร์ยิ่งขึ้น มาร้านเดียวนั่งยาวทั้งคืนได้เลย