Côte by Mauro Colagreco ห้องอาหารฝรั่งเศสที่หลายคนยกให้เป็นที่สุด

ความเรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าจดจำ เราว่านี่คือเสน่ห์ของห้องอาหาร 1 ดาวมิชลิน ‘Côte by Mauro Colagreco (โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรโค)’ ที่ชวนให้หลายคนอยากกลับมาอีก

Côte เสิร์ฟอาหารสไตล์ดินแดนชายฝั่งทะเลจากประเทศฝรั่งเศส-อิตาลี ผ่านฝีมือรังสรรค์โดย เชฟดาวิเด การาวาเกลีย ศิษย์เอกของเชฟเมาโร โคลาเกรโค เจ้าของร้านอาหาร Mirazur ดีกรี 3 ดาวมิชลินในประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งในปีนี้เชฟดาวิเดเพิ่งได้รับรางวัลเชฟรุ่นใหม่น่าจับตามองจากมิชลินไกด์ด้วย

The Vibe

เนื่องจาก Côte ได้แรงบันดาลใจมาจากดินแดนชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน ห้องอาหารจึงมาพร้อมการตกแต่งโทนอบอุ่นสบายๆ ผสมความเรียบหรู และมีความเป็นส่วนตัว มาพร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโนรามาให้เรานั่งทอดสายตาได้ตลอดมื้อ

เราชอบบรรยากาศที่คล้ายห้องนั่งเล่นในบ้านหลังใหญ่ ชวนให้รู้สึกเป็นกันเองดี ทุกคนจะได้เพลิดเพลินกับอาหารได้อย่างเต็มที่

The Taste

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ Côte คือการเสิร์ฟอาหารแบบไม่มีเมนู หรือ Carte Blanche เมนูจึงปรับเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่เชฟได้มาในแต่ละช่วงเวลา แต่จะมีวัตถุดิบหลักตามฤดูกาลเป็นคอนเซปต์ในแต่ละครั้ง อย่างเช่นวันที่เราไปชิมเป็นช่วง ‘Meat Game’ เชฟจะเน้นใช้เนื้อสัตว์หลากหลายเป็นไฮไลต์

เริ่มตั้งแต่ของกินเล่น 5 คำ มีทั้งทาร์ตปลาแอนโชวี ทาร์ตทูน่าพอนสึ หอยนางรมฝรั่งเศส ปลาซาดีนกับไข่ปลาเทราต์ และเมนูซิกเนเจอร์ประจำ Côte มาการองบีตรูตกับกับชีสนมแพะ

เข้าสู่คอร์สอาหาร เราชอบตั้งแต่ทาร์ทาร์เนื้อกวางกับฟัวกราส์เทอร์รีน ส่วนเบกบีตรูตกับครีมคาเวียร์เป็นจานดูเรียบง่าย แต่รสชาติกลับทำให้อยากกินต่อไม่หยุด โดยเมนูนี้เป็นซิกเนเจอร์ของเชฟเมาโรที่เสิร์ฟตอนร้านอาหารได้รางวัล 3 ดาวด้วย

หลังจากซุปราวิโอลีกะหล่ำกับฟัวกราส์และเนื้อหมูป่า ก็ตามด้วยหอยนางรมและพิวเรมะกรูดกับกระเทียม อาจฟังดูหนัก แต่ซุปก่อนหน้านี้ช่วยบาลานซ์ทั้งหมดได้ดี

เมนคอร์สเป็นเนื้อพิราบฝรั่งเศสที่เชฟใช้เนื้อครบแทบทุกส่วน เราชอบความสุกนุ่มกำลังดีที่ไม่เหนียวกินยากจนเกินไป ก่อนจบคอร์สด้วยขนมที่เชฟดาวิเดลงมือเองเช่นกัน หน้าตาของหวานที่ Côte จึงมีกลิ่นอายของคาวผสมอยู่ เราได้ลองกรานิตาแอปเปิ้ลเขียวที่ได้แรงบันดาลใจจากฝรั่งจิ้มพริกเกลือ และไอศกรีมผักชีโรยผงคาราเมลป๊อปคอร์น

Good for…

เราว่า Côte เป็นร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่บรรยากาศเฟรนด์ลีมากแห่งหนึ่ง คือมีทั้งความเรียบหรู แต่ไม่ชวนรู้สึกเกร็งจนไม่มีเวลาสนใจรสชาติอาหาร แถมเปิดให้บริการมื้อกลางวันด้วย ถ้าหากวันไหนมีเวลาไม่มาก แต่อยากกินมื้อพิเศษพร้อมชมวิวสบายๆ เราว่าที่นี่มีครบ เพราะมื้อกลางวันเริ่มต้นที่ 4 คอร์ส 1,800++ บาท เท่านั้นเอง

อีกสิ่งที่เราประทับใจคือ หากใครกลับมาบ่อยๆ หรือมีสิ่งที่ไม่กิน/กินไม่ได้ เชฟดาวิเดจะรับโจทย์นั้นไปรังสรรค์เมนูให้ใหม่ทันที แต่อาจต้องบอกล่วงหน้ากันสักหน่อย

ส่วนใครอยากสัมผัสประสบการณ์เต็มรูปแบบ เราแนะนำให้ลองเมนู 5-9 คอร์ส จะได้รู้ว่าที่นี่เสิร์ฟประสบการณ์แบบไหน โดยจะมี Cheese Platter (750 บาท) ให้สั่งเพิ่มได้ด้วย เผื่อว่าคนไหนรักชีสและอยากลองรสชาติใหม่ๆ