เราชอบบรรยากาศของร้านน้ำชา ‘Araksa Tea Room’ ที่มาเปิดสาขาแรกในย่านเจริญกรุง กรุงเทพฯ ชอบตั้งแต่สถานที่ หน้าตาร้าน ไปจนถึงด้านในที่ชวนให้รู้สึกตั้งแต่ก้าวแรกว่าการมานั่งจิบน้ำชาที่นี่จะต้องผ่อนคลายและได้ประสบการณ์ที่ดีกลับไปแน่นอน
The Vibe
Araksa Tea Room อยู่ในซอยเจริญกรุง 38 เปิดในตึกเก่า 2 ชั้นหัวมุมถนน ด้วยความที่เป็นร้านชาจากจังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศและของตกแต่งส่วนใหญ่จึงยกมาจากภาคเหนือ ยกเว้นบานประตูไม้สีเข้มด้านหน้าที่นำมาจากประเทศอินเดีย
เดินเข้ามาจะเห็นด้านในร้านแบ่งเป็น 2 ส่วน ชั้นล่างเป็นพื้นที่นั่งกินอาหาร จิบชา มีเคาน์เตอร์บาร์เสิร์ฟชาและค็อกเทล ส่วนชั้นลอยจะเป็นพื้นที่สำหรับคนอยากซื้อชากลับไปจิบที่บ้านหรือซื้อเป็นของฝาก ซึ่งตรงนี้ร้านมีไว้จัดเวิร์กช็อปของตัวเองด้วย
The Taste
Araksa Tea Room บอกว่ามาเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ เพราะอยากให้คนทั่วไปรู้จักชาของ Araksa (อรักษ) มากขึ้น เนื่องจากไร่ชาของ Araksa ที่เชียงใหม่เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นมากกว่า แต่ก็มีพื้นที่เสิร์ฟชาและของว่างอยู่เล็กๆ สำหรับคนมาเดินชมไร่
เมื่อลงมาเปิดร้านน้ำชาจริงจังที่กรุงเทพฯ พวกเขาจึงอยากทำมากกว่าเสิร์ฟชา ด้วยการเพิ่มเมนูขนม อาหาร ไปจนถึงเมนูมื้อค่ำที่มีเครื่องดื่มค็อกเทลผสมชาด้วย ซึ่งชาทุกชนิดของร้านจะมีความพิเศษตรงเป็นชาออร์แกนิก ปลูกเองจากไร่ที่เชียงใหม่ และเป็นไร่ที่ได้รับการรับรองว่าทุกขั้นตอนออร์แกนิกจริง เริ่มตั้งแต่การปลูกที่ไม่ใช้สารเคมี เก็บใบชาด้วยมือ ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายในโรงงาน
มาที่นี่ก็ต้องลองจิบชาของ Araksa กันหน่อย ทุกเมนูชาจะเสิร์ฟมาในกาใส พร้อมกับนาฬิกาทรายให้เราจับเวลาเพื่อนำใบชาออก เพื่อให้รสชาติชาดีที่สุดและไม่เสียคุณประโยชน์ที่ดีไป และร้านจะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำ ฉะนั้นต่อให้ไม่รู้เรื่องชาก็มาได้เลย
คนที่ไม่เคยลองชาออร์แกนิกของไร่ แนะนำให้เริ่มจาก Silk (200 บาท) เป็นชาดำอู่หลงซิกเนเจอร์ที่คาเฟอีนต่ำที่สุดในตระกูล Pure Tea (ชาไม่ผสม) ของร้าน เป็นชาที่ได้ Tea Specialist ชาวฝรั่งเศสมาคิดค้นรสชาติให้ด้วย โดยจะมีความหอมวานิลลา หวานน้ำผึ้ง รสชาติละมุน ดื่มได้ทั้งวัน
Dalha (220 บาท) เป็นชาเบลนด์ที่ผสมดอกดาหลากับชาเขียว เราค่อนข้างชอบตัวนี้ เพราะมีความเปรี้ยวของดอกไม้นิดๆ ผสมกลิ่นหอมคั่วใบชาอ่อนๆ โดยไร่จะนำชาลงไปคั่วในกระทะ ก่อนนวดด้วยมือและนำไปอบ เมื่อเทน้ำลงบนใบชาแรกๆ จะเห็นเป็นสีขาวขุ่นจากแป้งของดอกไม้ หลังจากยกใบชาออกจะได้ชาเขียวสีชมพูที่หอม จิบแล้วสดชื่น และมีคาเฟอีนต่ำ เนื่องจากใช้ชาเขียวเพียง 30 เปอร์เซ็นต์
Aoon Jai (200 บาท) ชาผู่เอ๋อจากไร่เชียงใหม่ที่เสิร์ฟเฉพาะสาขากรุงเทพฯ ชาตัวนี้เราว่าน่าสนใจ เพราะใช้เวลาบ่มชานาน 5 ปี ใช้ใบชา 1 ยอด 1 ใบ ทำให้เก็บได้ไม่เยอะ คาแรกเตอร์มีกลิ่นหอมยาสูบอ่อนๆ ผสมกลิ่นผลไม้หวาน เห็ด และน้ำผึ้ง แต่เนื่องจากผู่เอ๋อเป็นชาที่มีความเข้มข้นมาก จึงแนะนำให้อย่าแช่น้ำนาน ประมาณ 1 นาทีแล้วดื่มจะกำลังดี หากอยากจิบค่อยเติมน้ำร้อนใหม่ได้
สุดท้ายเป็นชาแบบเย็น แนะนำให้ลอง Thai Tea (180 บาท) ใช้เบสเป็นชา English Breakfast ผสมกับวานิลลาและคาราเมลออร์แกนิก ชาตัวนี้ร้านนำไปประกวดได้รางวัลมาด้วย ส่วนสีจะออกส้มนวลๆ ตามธรรมชาติ เพราะต้มนมกับน้ำก่อน แล้วค่อยใส่ใบชาลงไปแบบไม่ผสมอะไรเพิ่ม
ของกินเล่นหรือของหวานก็มีนะ เมนูที่อยากแนะนำก็อย่างเช่น ยำใบชาทอด เมนูซิกเนเจอร์จากไร่ที่เชียงใหม่, เครมบรูเลชา, พุดดิ้งชา หรือเมนูค็อกเทลอินฟิวส์ชาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากจังหวัดต่างๆ โดยราคาขนมจะเริ่มต้น 100 บาท ส่วนค็อกเทลเริ่มต้น 350 บาท
Good For…
Araksa Tea Room เป็นร้านน้ำชาสเปเชียลตี้ที่มีชาให้เลือกจิบเยอะมาก คนรักชาต้องชอบแน่นอน เพราะมีตั้งแต่ชาขาว ชาเขียว ชาดำ ชาสมุนไพร ไปจนถึงอาหาร ขนม และเครื่องดื่ม ทำให้ทุกคนแวะมาตอนไหนก็ได้ ไม่ต้องห่วงว่าจะมีชาให้จิบอย่างเดียว อีกทั้งร้านยังเสิร์ฟเฉพาะชาออร์แกนิกจากไร่ที่เชียงใหม่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นมั่นใจเรื่องคุณภาพได้เลย
Araksa Tea Room
Open: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น. (ปิดวันจันทร์)
Address: ซอยเจริญกรุง 38
Contact: Araksa Tea Room
Budget: 200-500 บาท
Map: